พิธีลงนามระหว่าง 2 ฝ่าย |
ในการนี้ ท่าน เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับยุโรปในหลายปีที่ผ่านมาได้ประสบความสำเร็จในหลายด้าน หุ้นส่วนยุโรปได้เดินพร้อมกับเวียดนามในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ การพัฒนาและการผสมผสานในตลอด 30ปีที่ผ่านมา เป็นนักลงทุนเอฟดีไอรายใหญ่ รวมยอดเงินลงทุน 2 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและเป็นนักอุปถัมภ์ในรูปให้เปล่ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ซึ่งเวียดนามและยุโรปกำลังมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่เพื่อยกระดับและพัฒนาความสัมพันธ์อย่างกว้างลึกมากขึ้น“รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญต่อการลงทุนและประกอบธุรกิจของสถานประกอบการยุโรปกว่า 2000 แห่งในเวียดนาม ความต้องการพัฒนาในหลายด้านของเวียดนามสอดคล้องกับจุดแข็งด้านเงินทุน การบริหาร เทคโนโลยีที่ทันสมัย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ระบบคมนาคม พลังงาน ไฟฟ้า ปิโตรเลี่ยม อุตสาหกรรมประกอบ การเกษตร การท่องเที่ยวและสาธารณสุข เป็นต้น องค์กรสังคมและหุ้นส่วนยุโรปยังมีศักยภาพด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การพัฒนาอย่างยั่งยืน พลังงานหมุนเวียน การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการฝึกอบรมแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง”
ในการประชุม นาย Bruno Angelet เอกอัครราชทูตและหัวหน้าคณะผู้แทนของสหภาพยุโรปในเวียดนามได้เผยว่า คาดว่า ในปลายปีนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหภาพยุโรปหรืออีวีเอฟทีเอจะได้รับการลงนาม “เมื่อข้อตกลงได้รับการลงนาม เวียดนามจะเข้าร่วมกลุ่มประเทศที่มีข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่กับอียู เช่นญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลีและสิงคโปร์ อาจกล่าวได้ว่า ในปลายปีนี้ เวียดนามจะอยู่เคียงข้างกับประเทศชั้นนำในเอเชียและประเทศอื่นๆ มีโอกาสแลกเปลี่ยนการค้ากับอียู ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งหมายความว่า อียูจะนำผลประโยชน์มากมายให้แก่เวียดนาม”
ในโอกาสนี้ ภายใต้สักขีพยานของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก และตัวแทนของหุ้นส่วนต่างๆในยุโรป กระทรวงการต่างประเทศและสมาคมผู้ประกอบการยุโรปในเวียดนามได้ลงนามบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือเพื่อให้การช่วยเหลือสถานประกอบการเวียดนามและยุโรปผลักดันความร่วมมือ
ในการประชุม บรรดาผู้แทนได้เน้นหารือถึงปัญหาต่างๆ เช่นศักยภาพความร่วมมือและการค้าเสรียุโรป-เวียดนาม พลังงานหมุนเวียนและนครอัจฉริยะ การเกษตร สัตว์น้ำ โครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เป็นต้น
ที่ประชุมได้ระบุว่า สถานประกอบการยุโรปกำลังลงทุนอย่างเข้มแข็งต่อการพัฒนาของเวียดนามและมีความประสงค์ว่า จะกลายเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับเวียดนามในเวลาที่จะถึง.