นาย ฝ่ามบิ่งมิง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม |
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุก ได้ยืนยันว่า ในระยะต่างๆ โดยเฉพาะช่วงปี 2008 – 2016 รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศได้เห็นพ้องที่จะปฏิบัติโครงการซ่อมแซมและปักปันปักหลักพรมแดนเวียดนาม-ลาว โดยเน้นหลักพรมแดนที่มีอยู่และปักปันปักหลักพรมแดนใหม่เพื่อกำหนดเส้นแบ่งพรมแดนทางบกและปรับปรุงเอกสารกฎหมายเกี่ยวกับเส้นแบ่งพรมแดนเวียดนาม-ลาวและเผยว่า “การเสร็จสิ้นโครงการดังกล่าวคือกิจกรรมที่มีความหมายสำคัญ เพราะแสดงให้เห็นถึงความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ความไว้วางใจและความเข้าใจระหว่าง 2 พรรค 2 รัฐและประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์พิเศษและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับลาว เวียดนามและลาวมีเส้นแบ่งพรมแดนที่ชัดเจน ซึ่งถูกระบุในเอกสารกฎหมายและมีการปักปันปักหลักพรมแดนอย่างถาวร”
ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในโอกาสการประชุมสรุปผลการปฏิบัติแผนการซ่อมแซมและปักปันปักหลักพรมแดนระหว่างเวียดนามกับลาว นาย เลหว่ายจุง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและหัวหน้าคณะกรรมการชายแดนแห่งชาติเวียดนามได้เผยว่า แนวชายแดนเวียดนาม-ลาวมีความยาวกว่า2300กิโลเมตรติดกับจ.และนคร10แห่งของเวียดนามและ10แขวงของลาว ปัจจุบัน ในเขตพรมแดนระหว่างเวียดนามกับลาวมีหลักพรมแดนทั้งหมด 1002 หลักใน 905 จุดที่ระบุในพิธีสารเกี่ยวกับแนวชายแดนและหลักพรมแดนที่เวียดนามและลาวได้ลงนามกันเมื่อวันที่ 16 มีนาคมปี 2016 พร้อมทั้งยืนยันว่า แนวชายแดนเวียดนาม-ลาวมีสถานะทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญต่อความมั่นคง กลาโหมและการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของทั้ง 2 ประเทศ การที่เขตชายแดนมีเสถียรภาพและพัฒนาจะมีส่วนร่วมกระชับความสามัคคีและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างประชาชนตามแนวชายแดน ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคมของท้องถิ่นต่างๆในเขตชายแดน ซึ่งมีส่วนร่วมต่อการรักษาเสถียรภาพและการพัฒนาของแต่ละประเทศและกระชับสัมพันธไมตรี ความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับลาว
นาย เลหว่ายหุ่ง ได้เผยว่า ในเวลาข้างหน้า ทั้ง 2 ประเทศจะส่งเสริมความร่วมมือในการรักษาความมั่นคงและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเขตชายแดน เพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ทำลายแผนกุศโลบายของอิทธิพลที่เป็นอริเพื่อรักษาเสถียรภาพตามแนวชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ เวียดนามและลาวได้จัดทำกลไกและนโยบายต่างๆเพื่อดึงดูดการลงทุนในรูปแบบต่างๆเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบคมนาคม การพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม การค้า วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว.