|
รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ฝ่ามกวางวิงห์
|
( VOV ) - ในระหว่างวันที่ ๑๑ – ๑๔ กันยายนที่ผ่านมา ณ กรุงพนมเป็ญ กัมพูชา ได้มีการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสหรือซอมของอาเซียน และการประชุมระหว่างอาเซียนกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อหารือถึงการเตรียมให้แก่การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ ๒๑ และการประชุมระดับสูงอื่นๆที่เกี่ยวข้องในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งการประชุมที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนกับจีนเกี่ยวกับร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซี และการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนกับสหรัฐเพื่อเตรียมให้แก่การประชุมผู้นำอาเซียนกับสหรัฐครั้งที่ ๔ คณะผู้แทนเวียดนามโดยรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศและหัวหน้าฝ่ายเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนของเวียดนาม เป็นหัวหน้าคณะได้เข้าร่วมการประชุม ที่ประชุมได้ย้ำว่า อาเซียนจำเป็นต้องเร่งสร้างประชาคมอาเซียนให้เสร็จภายในปี ๒๐๑๕ พร้อมๆกับการขยายความเชื่อมโยง ส่งเสริมบทบาทเป็นแกนนำในภูมิภาค ขยายความร่วมมือกับหุ้นส่วนและรับมือกับการท้าทายที่เกิดขึ้น สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก ที่ประชุมได้ย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพ ความมีเสถียรภาพ ความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออกโดยการเคารพกฎหมายสากลและอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลปี ๑๙๘๒ การแก้ไขการพิพาทต่างๆอย่างสันติ การปฏิบัติกแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีอย่างสมบูรณ์และร่างระเบียบการปฏิบัติในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งองค์การอาเซียนต้องส่งเสริมบทบาทเป็นแกนนำในการกำหนดทิศทางให้แก่ปัญหาเหล่านี้
โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ฝ่ามกวางวิงห์ได้กล่าวปราศรัยว่า จากสถานการณ์ภูมิภาคและโลกกำลังประสบกับการท้าทายต่างๆ อาเซียนจำเป็นต้องขยายความสามัคคีและร่วมมือ เร่งการสร้างประชาคม ส่งเสิรมบทบาทและเสียงพูดของความเป็นแกนนำในภูมิภาค โดยเฉพาะในปัญหาว่าด้วยสันติภาพ ความมั่นคงและความร่วมมือในภูมิภาค การยึดหลักการของอาเซียนในการทาบทามและเห็นพ้องกันเป็นหลักเพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างองค์การอาเซียนกับหุ้นส่วนมีความลึกซึ้งมากขึ้น รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ฝ่ามกวางวิงห์ได้กล่าวถึงปัญหาทะเลตะวันออก โดยย้ำว่า ทุกประเทศในภูมิภาคนี้ให้ความสนใจต่อสันติภาพ ความมีเสถียรภาพ ความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือทะเลในทะเลตะวันออก การเคารพกฎหมายสากลและอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทะเลปี ๑๙๘๒ ตลอดจนการแก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธีเพราะเป็นผลประโยชน์ของภูมิภาค ดังนั้นเราต้องส่งเสริมการสนทนาอย่างสร้างสรรค์ในประเด็นเหล่านี้ ณ การประชุมผู้นำต่างๆในเร็วๆนี้ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ฝ่ามกวางวิงห์กล่าวต่อไปว่า อาเซียนควรขยายความร่วมมือและทาบทามกันเพื่อมีเสียงพูดตรงกันในการเป็นแกนนำกำหนดทิศทาง ฝ่ายต่างๆจำต้องปฏิบัติแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีอย่างเคร่งครัดเพื่อมุ่งสู่การรเจรจาเกี่ยวกับการร่างซีโอซี พร้อมทั้งย้ำว่า ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องต้องใช้ความอดกลั้น ไม่มีปฏิบัติการที่ฝ่าฝืนกฎหมายสากลและอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ไม่ทำให้สถานการณ์ในทะเลตะวันออกซับซ้อนยิ่งขึ้น เพื่อสร้างบรรยากาศให้การประชุมผู้นำอาเซียนและการประชุมอื่นๆประสบความสำเร็จ./.