นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกกล่าวปราศรัยเปิดการประชุม (VNA) |
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เผยว่า การประชุมครั้งนี้มีความหมายสำคัญในสภาวการณ์ที่โรคโควิด-19กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เศรษฐกิจสังคม โดยเฉพาะภาคการบริการที่คิดเป็นร้อยละ 30ของจีดีพีของอาเซียน“ในช่วงที่เต็มไปด้วยความยากลำบากนี้ เราเห็นความสามัคคีและความช่วยเหลือกันในประชาคมอาเซียน ซึ่งสะท้อนจากประกาศประธานอาเซียนเกี่ยวกับการรับมือการแพร่ระบาดเมื่อวันที่14 กุมภาพันธ์ การขยายความร่วมมือด้านสาธารณสุข กลาโหม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ สิ่งของที่จำเป็นและการช่วยเหลือพลเมืองประเทศต่างๆ ซึ่งช่วยให้อาเซียนสามารถควบคุมการแพร่ระบาด อาเซียนมีผู้ติดเชื้อ 15,000รายจากจำนวนประชากร 650 ล้านคน ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในทั่วโลก ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พวกเรา แต่ต้องสามัคคีและมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติมาตรการต่างๆบนเจตนารมณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวและพร้อมปรับตัว”
หลังการเปิดประชุม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามฝ่ามบิ่งมิง ประธานสภาประสานงานอาเซียนได้อ่านรายงานเกี่ยวกับความพยายามของอาเซียนในการรับมือการแพร่ระบาดและข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือในเวลาข้างหน้า
บรรดาผู้นำอาเซียนได้เผยว่า อาเซียนต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการควบคุมการแพร่ระบาด การปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคม การช่วยเหลือประชาชนและสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม การประสานงานระหว่างประเทศต่างๆ นอกจากนี้ บรรดาผู้นำประเทศอาเซียนได้หารือถึงการวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาด การขยายการค้าภายในกลุ่ม การกระตุ้นเศรษฐกิจ การรับมือวิกฤตต่างๆจากภายนอก
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ชื่นชมประเทศสมาชิกที่ร่วมกับเวียดนามรับมือการแพร่ระบาด สนับสนุนข้อเสนอต่างๆของเวียดนาม เช่น จัดตั้งกองทุนความร่วมมือเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของอาเซียน การสำรองเวชภัณฑ์ การฝึกซ้อมการรับมือโรคระบาดฉุกเฉิน การจัดตั้งกลุ่มปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนเพื่อต่อต้านปัญหาข่าวปลอมและยืนยันว่า เวียดนามจะสนับสนุนประเทศต่างๆในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาด
โอกาสนี้ บรรดาผู้นำเซียนได้อนุมัติแถลงการณ์ของการประชุมผู้นำอาเซียนเกี่ยวกับการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19.