ระบบป้องกันภัยทางอากาศโดมเหล็กของอิสราเอลถูกเปิดใช้งานในเยรูซาเล็มเพื่อสกัดกั้นเครื่องบินไร้คนขับและขีปนาวุธจากอิหร่านเมื่อค่ำวันที่ 13 เมษายน (THX) |
ในวันเดียวกัน ในบทความที่โพสต์บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก X คณะผู้แทนของอิหร่านประจำสหประชาชาติได้ยืนยันว่า “สถานการณ์สามารถได้รับการถือว่า ได้ยุติลงแล้ว” และอิสราเอลไม่ควรทำการโจมตีตอบโต้ อีกทั้งเตือนว่า “ถ้าหากทางการอิสราเอลมีการกระทำที่ผิดพลาดอีกครั้ง อิหร่านจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากขึ้น”
ส่วน เมื่อวันที่ 14 เมษายน นาย อับเดล ลาติฟ ราชิด ประธานาธิบดีอิรักได้เรียกร้องให้คลี่คลายความตึงเครียดและย้ำถึงความจำเป็นในการป้องกันไม่ให้การปะทะบานปลายในวงกว้าง
ในวันเดียวกัน นาย จอห์น เคอร์บี ผู้ประสานงานที่รับผิดชอบด้านการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ของสภาความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาวได้ประกาศว่า สหรัฐไม่อยากทำสงครามกับอิหร่าน และไม่แสวงหาสงครามที่ลุกลามกว่านี้ในภูมิภาค
นาย เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนาย โฮสเซน อามีร์-อับดุลลาห์เนียน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านโดยเตือนถึง “การกระทำที่ยั่วยุที่เป็นอันตรายครั้งใหม่ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความตึงเครียดมากขึ้น”
ในขณะเดียวกัน เมื่อบ่ายวันที่ 14 เมษายน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเน้นถึงการโจมตีตอบโต้อิสราเอลของอิหร่านเมื่อวันที่ 13 เมษายน ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นาย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้เรียกร้องให้ทุกฝ่าย “ยุติการกระทำที่เป็นศัตรูทันที” และให้ความเคารพความปลอดภัยของสถานทูต สถานกงสุล ตลอดจนเจ้าหน้าที่นักการทูตในทุกสถานการณ์ อีกทั้งแสดงความเห็นว่า ปัญหาที่เร่งด่วนในช่วงนี้คือ การหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าทางทหารขนาดใหญ่ในแนวรบต่างๆ ในตะวันออกกลาง
เมื่อวันที่ 14 เมษายน กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือ G7 ได้จัดการประชุมผ่านรูปแบบออนไลน์โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคลี่คลายความตึงเครียดและใช้ความอดกลั้น.