นาย เหงียนก๊วกหยุง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามกล่าวปราศรัยในการสัมมนา |
บรรดาผู้แทนได้ทบทวนนิมิตหมายที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนผลสำเร็จในความสัมพันธ์เวียดนาม-อินโดนีเซียในตลอด 65 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง กว้างลึกและมีประสิทธิภาพในทุกด้าน โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซียยังได้รับประโยชน์ร่วมกันมากมายในการผลักดันการเชื่อมโยงในภูมิภาคและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เผยว่า “ทั้งสองประเทศได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดและสนับสนุนกันในฟอรั่นทั้งในระดับภูมิภาคและโลก เช่นสหประชาชาติ อาเซียนและองค์การการค้าโลก เป็นต้น โดยเฉพาะในปี 2020 เมื่อเวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนและทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เวียดนามและอินโดนีเซียได้มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อกระบวนการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่สามัคคี พัฒนา ประสานงานอย่างใกล้ชิดในปัญหาความมั่นคงในภูมิภาค ผลักดันทัศนะของอาเซียนเกี่ยวกับอินโด-แปซิฟิก แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของอาเซียนในการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพและความร่วมมือในภูมิภาค รวมทั้งทะเลตะวันออกและโลก”
นาย Mahendra Siregar รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย |
สำหรับข้อคิดริเริ่มผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในเวลาที่จะถึง นาย Mahendra Siregar รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียได้เผยว่า “เวียดนามและอินโดนีเซียต้องส่งเสริมการขยายความร่วมมือในด้านสัตว์น้ำ รวมทั้งบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือเกี่ยวกับสัตว์น้ำและส่งเสริมการลงทุนในการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 2คือส่งเสริมความสัมพันธ์หุ้นส่วนและโอกาสที่นักธุรกิจทั้งสองประเทศสามารถใช้ประโยชน์ 3คือประยุกต์ใช้วิธีการเข้าถึงเพื่อแก้ไขปัญหาปลอดภาษีในความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสองประเทศ 4คือผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์ สุดท้ายเปิดโอกาสมากมายให้แก่คนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศผ่านการผลักดันการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและนักวิจัย”
นอกจากนั้น บรรดาผู้แทนยังเห็นพ้องกันว่า ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-อินโดนีเซียต้องพัฒนาอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือความท้าทายต่างๆในภูมิภาคและโลก เพื่อมีส่วนร่วมต่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคงและการพัฒนาของภูมิภาค.