รายงานนี้ได้ประกาศก่อนการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP ครั้งที่28 ที่จะมีขึ้นในปลายเดือนพฤศจิกายนเพื่อวางแผนการให้โลกสามารถบรรลุเป้าหมายในด้านนี้ ตามรายงานนี้ของไออีเอ การที่แหล่งพลังงานสะอาดพัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบันจะช่วยลดความต้องการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้ร้อยละ 25 ภายในทศวรรษนี้ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกร้อยละ 35 ภายในปี 2030 แต่อย่างไรก็ตาม นาย Fatih Birol ผู้อำนวยการของไออีเอ ได้เผยว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เศรษฐกิจที่พัฒนา เช่น สหรัฐและสหภาพยุโรปต้องผลักดันการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2045 ซึ่งจะเร็วกว่าที่ให้คำมั่นไว้ 5 ปี ส่วนจีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกก็ต้องผลักดันการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวเร็วขึ้นอีก 10 ปี คือภายในปี 2050

สำหรับปัญหาการเงิน ไออีเอได้ประเมินว่า ในทศวรรษหน้า โลกต้องใช้เงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด ซึ่งสูงกว่า 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับตัวเลขที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ จัดงบ 7 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนร้อยละ 75 ภายในปี 2030.