ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง กล่าวปราศรัยในพิธีมอบรางวัลสื่อมวลชนแห่งชาติครั้งที่ 7

(VOVworld) - ในการกล่าวปราศรัยในพิธีมอบรางวัลสื่อมวลชนแห่งชาติครั้งที่ 7 และพิธีรำลึกครบรอบ 88 ปีวันสื่อมวลชนปฏิวัติเวียดนาม เมื่อคํ่าวันที่ 21 มิถุนายน ณ กรุงฮานอย ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ยืนยันว่า นับตั้งแต่ท่าน เหงียนอ๊ายกั๋วก หรือ ประธานโฮจิมินห์ได้ให้พิมพ์จำหน่ายหนังสือพิมพ์แทงเนียนหรือเยาวชนฉบับแรก ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ปฏิวัติเวียดนามเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ปี 1925  จนถึงปัจจุบัน แถวขบวนสื่อมวลชนปฏิวัติเวียดนามได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและมีส่วนร่วมสำคัญในภารกิจการปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของพรรคและประชาชาติ โดยผลงานต่างๆที่มีคุณภาพสูงและเป็นผลดีต่อสังคมได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของผู้ที่ประกอบอาชีพสื่อมวลชน  โดยแสดงออกไม่ว่าจะเป็นความเป็นมือชีพ ในความมุ่งมั่นทางการเมืองและความรับผิดชอบทางสังคม  เพื่อตอบสนองความต้องการในการประชาสัมพันธ์ในสภาวการณ์ใหม่ ท่าน เหงียนเติ๊นหยุงได้ชี้ชัดว่า สื่อมวลชนต้องประชาสัมพันธ์การปฏิบัติมติของพรรค รัฐสภา มาตรการชี้นำและการบริหารของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ๆและยกระดับประสิทธิภาพการรณรงค์การศึกษาและปฏิบัติตามแบบอย่างคุณธรรมของประธานโฮจิมินห์  ท่าน เหงียนเติ๊นหยุงได้กำชับว่า สื่อมวลชนควรค้นพบและรายงานข่าวเกี่ยวกับการทำงานแบบขุนนาง การทุจริตคอรัปชั่น การใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ความประพฤติมิชอบ และภัยสังคมอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อมีส่วนร่วมป้องกันและขจัดการเสื่อมถอยของแนวคิดทางการเมือง คุณธรรมและวิถีชีวิต  สื่อมวลชนต้องเป็นกองกำลังแกนนำในการต่อต้านกับทัศนคติและปฏิเสธข้อมูลที่ผิดพลาด ใส่ร้ายและบิดเบือนสถานการณ์ของประเทศที่ทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อนและไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
ท่านนายกรัฐมนตรียังกำชับให้บรรดาผู้สื่อข่าวต้องฝึกฝนหล่อหลอมตนเองในด้านวิชาชีพ ความมุ่งมั่นทางการเมืองและความคล่องตัวในการรายงานข่าว  ปีนี้ สภารางวัลสื่อมวลชนแห่งชาติได้มอบรางวัลให้แก่ผลงานยอดเยี่ยม  117 ผลงาน โดยมีรางวัลชนิดเอ 5 รางวัล รางวัลชนิดบี 28 รางวัล รางวัลชนิดซี 45 รางวัลและรางวัลชมเชย 39 รางวัล  สำหรับสถานีวิทยุเวียดนามนั้นได้รับ รางวัลชนิดเอ 2 รางวัลได้แก่  “หัวเลี้ยวหัวต่อที่มหัศจรรย์แห่งประวัติศาสตร์ – บทเพลงแห่งวีรกรรมฮานอยเดียนเบียนฟูกลางเวหา เดือนธันวาคม ปี 1972” และบทวิเคราะห์ชุดเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหว ณ โรงไฟฟ้าพลังน้ำแม่นํ้าแจง  2 ที่พาดหัวว่า “แรงสั่นสะเทือนในจิตใจของชาวบ้าน”