ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 111,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตนอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ 762 ราย โดยอิตาลีมีผู้เสียชีวิต 463ราย อิหร่าน 237 ราย สาธารณรัฐเกาหลี 54 ราย สเปน30ราย สหรัฐ 27รายและฝรั่งเศส 30 ราย
ที่ประเทศอิตาลี รัฐบาลอิตาลีได้ประกาศใช้มาตรการห้ามการเดินทางในประเทศ สั่งปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยถึงวันที่ 3 เมษายน รวมถึง การแข่งขันกีฬาและห้ามจัดกิจกรรมชุมนุม
ส่วนเมื่อวันที่ 9 มีนาคม คณะกรรมการยุโรปประจำกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยียมประกาศพบผู้ติดเชื้อรายแรก ซึ่งเป็นสตรีที่เพิ่งกลับจากอิตาลี ในขณะเดียวกัน รัฐสภายุโรปต้องย้ายสถานที่จัดการประชุมที่จะมีขึ้นในประเทศฝรั่งเศสในสัปดาห์หน้าไปที่กรุง บรัสเซลเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 และกำลังพิจารณาการยกเลิกการจัดประชุมทุกนัด
ในขณะเดียวกัน สาธารณรัฐไซบรัสได้ประกาศพบผู้ติดเชื้อสองรายแรก ทำให้ขณะนี้ทุกประเทศในกลุ่มอียูพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนยอดผู้ติดเชื้อในยุโรปขณะนี้อยู่ที่ 511 ราย
ในวันเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ BFFM ของฝรั่งเศสได้ลงข่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศสได้ติดเชื้อโควิด – 19 ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเป็น 5 ราย
ในขณะที่ประเทศบูกินา ฟาโซ เป็นประเทศที่ 6 ในทวีปแอฟริกาที่พบผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นสามีภรรยาที่เดินทางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศส ส่วนสถานีโทรทัศน์ซาอุดิอาระเบียได้รายงานว่า พบผู้ติดเชื้ออีก 5 ราย ส่วนกระทรวงสาธารณสุขแอฟริกาใต้ได้ประกาศว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 4 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อเป็น 7 ราย
ในวันเดียวกัน อินเดียได้ประกาศพบผู้ติดเชื้อ 43 ราย ทำให้รัฐบาลต้องออกคำเตือนต่อประชาชนและยกเลิกการจัดเทศกาลต่างๆ
ส่วนที่ประเทศฟิลิปปินส์ รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในทั่วประเทศหลังจากพบผู้ติดเชื้อถึง 20 ราย ส่วนที่ประเทศมาเลเซีย พบผู้ติดเชื้ออีก 18 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 117 ราย ที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พบผู้ติดเชื้ออีก 13 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมเป็น 19 ราย ส่วนที่ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อ 50 รายและเสียชีวิต 1 ราย ที่ประเทศเวียดนาม มีผู้ติดเชื้อ 31 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิตและมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดี 16 ราย.