(VOVworld)-วันที่๒มิถุนายน รัฐสภาได้อภิปรายถึงการประเมินเพิ่มเติมผลการปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและงบประมาณแผ่นดินปี๒๐๑๓ แผนการค้ำประกันความสมดุลงบประมาณแผ่นดินส่วนกลางและท้องถิ่นปี๒๐๑๓และการปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและงบประมาณแผ่นดินปี๒๐๑๔

บรรดาผู้แทนได้ชื่นชมรายงานเพิ่มเติมผลการปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมปี๒๐๑๓ของรัฐบาลโดยเห็นว่า แม้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกและความยากลำบากในการผลิตและประกอบธุรกิจได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจของประเทศแต่ภายใต้การบริหารอย่างทันการณ์ของรัฐบาล ทั้งระบบการเมืองและชมรมนักธุรกิจ ดังนั้น ในปี๒๐๑๓ เศรษฐกิจบรรลุเป้าหมายที่รัฐสภาได้วางไว้ เงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ๖.๐๔เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้คือตั้งแต่ร้อยละ๗ถึงร้อยละ๘ หนี้เสียลดลง ดุลการค้าดีขึ้น มี๔ด้านที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่ายินดี คือ โครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม กิจกรรมของระบบธนาคาร งานด้านการต่างประเทศและสวัสดิการสังคม นอกจากกลุ่มมาตรการต่างๆที่ระบุในรายงานแล้ว รัฐบาลควรยืนหยัดเป้าหมายสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมเงินเฟ้อ ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ กระตุ้นอุปสงค์รวมและตลาดภายในประเทศ ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการลงทุนด้านการเกษตร เกษตรกรและชนบท

เกี่ยวกับแนวทางของเวียดนามในการเจาะตลาดใหม่ๆเพื่อสร้างก้าวกระโดดในกิจกรรมการค้าต่างประเทศและสร้างความเป็นอิสระด้านเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่านหวูฮวีหว่าง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์กล่าวว่า“ก่อนหน้านี้หลายปี เวียดนามได้ดำเนินหลายมาตรการเพื่อปรับปรุงดุลการค้าและจนถึงปัจจุบัน เวียดนามมีความสะดวกหลายอย่างเพราะหุ้นส่วนใหญ่ๆต่างให้ความสนใจต่อเวียดนามและมีความประสงค์ที่จะเจรจาข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับเวียดนามและพวกเรากำลังมีแนวทางผลักดันการเจรจานี้ พวกเราได้ลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการค้าเสรีกับ๘ประเทศและกำลังเจรจาเพื่อลงนามในข้อตกลงกับอีก๖ประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้สินค้าเวียดนามเจาะตลาดต่างๆ ในการเจรจาข้อตกลงกับอีก๖ประเทศ เวียดนามปฏิบัติหลักการคือ ประเทศต่างๆต้องให้ความเคารพ และไม่แทรกแซงระบอบการเมืองของพวกเรา ข้อตกลงต้องมีความสมดุลด้านผลประโยชน์และต้องคำนึงถึงความเหลื่อมล้ำในระดับการพัฒนา สำหรับบางด้านที่เวียดนามยังอ่อนด้อยแต่มีศัยกภาพต้องเสนอหุ้นส่วนให้เวียดนามมีเวลาปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไป”

เกี่ยวกับปัญหาการพัฒนาการเกษตร เกษตรกรและชนบท ผู้แทนหลายคนเห็นว่า ใน3ปีที่ผ่านมาถึงแม้ได้มีการปฏิบัตินโยบายให้สิทธิพิเศษต่างๆแก่ภาคการเกษตรแต่การขยายตัวกลับลดลง ราคาของสินค้าเกษตรตกต่ำ การผลิตไม่มีกำไร การแข่งขันในตลาดภูมิภาคและโลกประสบอุปสรรค ดันนั้นรัฐบาลควรให้ความสนใจมากขึ้นต่อการพัฒนาการเกษตรเพื่อให้กลายเป็นเสาหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจ นายเจืองวันเหวอ ผู้แทนรัฐสภาจ.ด่งนายเสนอ“งานที่ต้องทำทันทีคือเพิ่มความเคร่งครัดในการชี้นำท้องถิ่นต่างๆปฏิรูปโครงสร้างการเกษตร เสริมมาตรการเพื่อส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตร รวมทั้งการปฏิบัติโครงการเทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อพัฒนาการเกษตร ส่วนทางกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทต้องส่งเสริมความรับผิดชอบในการปฏิบัติแผนการพัฒนาและวางผังการพัฒนาการเกษตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงการผลิตสินค้าแบบครบวงจรของแต่ละท้องถิ่น”