นาย Trinh The Khiet ผู้แทนรัฐสภากรุงฮานอย (Internet)

(VOVworld) – เช้าวันที่ 6 มิถุนายน ที่ประชุมรัฐสภาครั้งที่ 3 สมัยที่ 13 ได้อภิปรายตามหน่วยเกี่ยวกับร่างกฏหมายทนายความและร่างกฏหมายไฟฟ้าฉบับแก้ไขและเพิ่มเติม สำหรับร่างกฏหมายทนายความฉบับแก้ไขและเพิ่มเติม ผู้แทนรัฐสภาหลายคนได้แสดงความเห็นว่า ไม่ควรอนุญาติให้เจ้าหน้าที่ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ทนายความเพราะจะส่งผลกระทบต่อความโปร่งใสและภาวะวิสัยของการปฏิบัติงานด้านกฏหมาย เปิดช่องให้เกิดการละเลยในหน้าที่และไม่สอดคล้องกับกฏหมายสากล ส่วนผู้แทนรัฐสภาบางคนได้แสดงความเห็นด้วยต่อการอนุญาติให้เจ้าหน้าที่ข้าราชการปฏิบัติงานเป็นทนายความแต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ข้าราชการทั้งหมดที่มีสิทธิปฏิบัติงานด้านนี้โดยจะอนุญาติให้เจ้าหน้าที่ข้าราชการที่กำลังสอนวิชากฏหมายมีสิทธิปฏิบัติงานด้านนี้ได้ พร้อมทั้งเสนอว่า ต้องขยายระยะเวลาการปฏิบัติงานด้านทนายความจาก 6 เดือนขึ้นเป็น 12 เดือน นาง TranThiHoaSinh ผู้แทนรัฐสภาจังหวัด LangSon ได้เสนอว่า“ในสภาวะการณ์ปัจจุบัน ต้องยกระดับทักษะความสามารถของทนายความให้มากขึ้นเนื่องจากทนายความของเวียดนามยังไม่มีความสามารถเพียงพอในการว่าความในคดีระหว่างประเทศ มาตรของกฏหมายปี 2006 มีบางข้อไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งต้องได้รับการแก้ไขและเพิ่มเติมโดยต้องเพิ่มสิทธิของทนายความ ขยายรูปแบบและองค์กรทนายความ” สำหรับร่างกฏมายไฟฟ้าฉบับแก้ไขและเพิ่มเติม ผู้แทนรัฐสภาหลายคนได้แสดงความเห็นว่า ปัจจุบัน หน่วยงานไฟฟ้ายังเป็นหน่วยงานผูกขาดของรัฐบาล ดังนั้น ต้องรักษาการวางแผนพัฒนาหน่วยงานไฟฟ้าแห่งชาติและการวางแผนพัฒนาไฟฟ้าในระดับจังหวัดและนครให้สังกัดส่วนกลางต่อไป ยกเลิกแผนการพัฒนาไฟฟ้าในระดับอำเภอ การกำหนดให้คณะกรรมการประชาชนจังหวัดมีสิทธิกำหนดราคาไฟฟ้าในเขตทุรกันดาร เขตเขา เขตชายแดนและเขตเกาะแก่งซึ่งเขตที่ยังไม่มีเครือข่ายไฟฟ้าแห่งชาติต้องชดเชยรายได้ให้หน่วยงานไฟฟ้าอย่างเหมาะสมได้สร้างอุปสรรค์ไม่น้อยให้แก่จังหวัดเหล่านี้ ดังนั้นปัญหาเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไขโดยรัฐบาลและสำนักงานส่วนกลางต้องให้การช่วยเหลือเขตดังกล่าว นาย NguyenLongBinh ผู้แทนรัฐสภาจังหวัด YenBai ได้เผยว่า“ผมคิดว่า การวางแผนพัฒนาไฟฟ้าต้องมีความผูกพันธ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ต้องใช้เวลา 10 ปีเพื่อทำการวางแผนพัฒนาและมีการกำหนดแนวทางในอีก 10 ปีข้างหน้าเนื่องจากการใช้เวลา 5 ปีเพื่อทำการวางแผนสั้นเกินไป ราคาไฟฟ้าควรได้รับการบริหารตามกลไกตลาดภายใต้การบริหารของรัฐ” ส่วนในช่วงบ่าย บรรดาผู้แทนรัฐสภาได้อภิปรายตามหน่วยเกี่ยวกับร่างกฏหมายสหกรณ์ฉบับแก้ไข การพัฒนาสหกรณ์ถือนแนวทางใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐเพื่อให้เศรษฐกิจหมู่คณะ รวมทั้ง ภาคสหกรณ์พัฒนาอย่างกว้างขวางและมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ บรรดาผู้แทนเห็นว่า สหกรณ์มีความแตกต่างกับสถานประกอบการในด้านเป้าหมายการจัดตั้ง  ความสัมพันธ์ในการถือกรรมสิทธิ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และเสนอให้ตีความรูปแบบสหกรณ์แบบใหม่เมื่อเทียบกับสหกรณ์แบบเก่าคือสหกรณ์แบบใหม่เป็นองค์การที่บรรดาสมาชิกอาสาร่วมมือกันเพื่อตอบสนองความต้องการด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ นายLê Đắc Lâm ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดBinh Thuậnกล่าวว่า  “ เมื่อเทียบกับสถานประกอบการ สหกรณ์ไม่ได้เน้นในด้านเศรษฐกิจเหมือนสถานประกอบการอื่นๆแต่เน้นในด้านสังคม เช่น การสร้างงานหรือฝึกสอนอาชีพดังนั้นควรอนุญาติให้สหกรณ์มีสิทธิ์ในการจัดสรรผลิตภัณฑ์และการบริการในตลาด และมีนโยบายให้สิทธิพิเศษด้านภาษีแก่สหกรณ์ โดยเฉพาะ ในภาคการเกษตร ชนบท เขตชนเผ่าและเขตเขา”./.
./.