(VOVworld) – ในกรอบการประชุมรัฐสภาเวียดนามครั้งที่ 3 สมัยที่ 13 บ่ายวันที่ 1 มิถุนายน ได้มีการหารือเกี่ยวกับโครงการร่างกฏหมายและกฤษฎีกาของรัฐสภาในปี 2013 ซึ่งคณะกรรมาธิการสามัญประจำรัฐสภาได้เสนอที่จะนำร่างกฏหมาย 30 ฉบับและร่างกฤษฎีกาอีก 3 ฉบับมาหารือในระเบียบวาระการประชุม เกี่ยวกับโครงการกฏหมายและกฤษฎีกาปี 2012 จะมีการปรับปรุงร่างกฏหมาย 10 ฉบับ พร้อมทั้งเพิ่มร่างกฏหมายอีก 6 ฉบับเข้าในโครงการกฏหมายและกฤษฎีกาของการประชุมทั่วไปรัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 13 ซึ่งได้แก่ กฏหมายสถานประกอบการ กฏหมายการลงทุนฉบับแก้ไข กฏหมายเกี่ยวกับการประกาศใช้มติทางราชการ กฏหมายการประหยัดและต่อต้านการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยฉบับแก้ไข ซึ่งผู้แทนส่วนใหญ่ได้เห็นด้วยกับโครงการร่างกฏหมายและกฤษฎีกาของรัฐสภาปี 2013 แต่ยังเรียกร้องให้เพิ่มร่างกฏหมายการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่นเข้าในโครงการของปี 2012 เพื่อจะได้ทำการพิจารณาในการประชุมครั้งที่ 4 และผู้แทนบางส่วนได้เสนอให้นำร่างกฏหมายการประหยัดและต่อต้านการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเข้าในโครงการของปี 2013 นาง Vo Thi Dung ผู้แทนนครโฮจิมินห์ได้เสนอว่า “ดิฉันขอเสนอว่า การร่างกฏหมายของรัฐสภาในเวลาข้างหน้าต้องปฏิบัติพร้อมกับการเตรียมมติและเอกสารแนะนำของกระทรวงและหน่วยงาน เพื่อสามารถปฏิบัติได้ในทันทีหลังจากที่กฏหมายฉบับนั้นมีผลบังคับใช้ เกี่ยวกับกฏหมายที่ดิน ซึ่งกำลังได้รับการถกเถียงเป็นอย่างมากนั้น ไม่ควรระบุในโครงการและต้องรวบรวมความคิดเห็นในการประชุมครั้งที่ 4 เพื่อทำการอนุมัติในการประชุมครั้งที่ 5 ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม กฏหมายฉบับนี้เป็นกฏหมายที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาชน”
|
นาง Vo Thi Dung ผู้แทนนครโฮจิมินห์
|
ในเช้าวันเดียวกัน ผู้แทนรัฐสภาได้หารือในกลุ่มเกี่ยวกับร่างกฏหมายการสำรองแห่งชาติและร่างกฏหมายการควบคุมภาษีฉบับแก้ไข กฤษฎีกาการสำรองแห่งชาติที่ถูกประกาศเมื่อ 8 ปีก่อนซึ่งได้รับการยกระดับให้เป็นกฏหมายแต่ยังคงมีจุดอ่อนต่างๆ ดังนั้นต้องมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ใหม่ การสำรองแห่งชาติก็เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ไฟไหม้ โรคระบาด การป้องกันประเทศ การสร้างเสถียรภาพให้ตลาดและการรักษาสวัสดิการสังคม เป็นต้น ผู้แทนส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นว่า ขอบเขตของร่างกฏหมายดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม ซึ่งเงินทุนส่วนใหญ่ยังเป็นงบประมาณแผ่นดิน ดังนั้นต้องขยายขอบเขตไปยังเครือบริษัทและกลุ่มบริษัทภาครัฐ ปัจุบัน เงินสำรองทั้งหมดของเวียดนามบรรลุร้อยละ 0.38 ของจีดีพี ซึ่งต่ำกว่าหลายประเทศ นาย Le Nhu Tien ผู้แทนจ.กวางตริเสนอว่า “แหล่งเงินทุนสำรองแห่งชาติควรมาจากงบประมาณแผ่นดินและรัฐสภาเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งสอดคล้องกับกฏหมายงบประมาณแต่ก็จะไม่สามารถระดมเงินทุนจากแหล่งอื่นๆได้ โดยเฉพาะในสภาวะการณ์ที่รัฐสภามีความประสงค์ให้ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา สาธารณสุขและการกีฬาต่างเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการร่วมมือจากทั้งสังคม ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องเรียกร้องให้สถานประกอบการและภาคเศรษฐกิจอื่นๆเข้าร่วมการสมทบเงินทุนให้แก่กองทุนสำรองแห่งชาติ ซึ่งรวมไปถึงเงินโอดีเอจากต่างประเทศ”
เกี่ยวกับร่างกฏหมายการควบคุมภาษีฉบับแก้ไข ผู้แทนหลายคนยังแสดงความคิดเห็นว่า ต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาบางข้อให้สอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มระเบียบการตัดสินใจก่อนเกี่ยวกับแนวทางการคิดภาษี รวมทั้งต้องลงโทษผู้ที่กระทำผิดและลดระเบียบราชการด้านภาษีต่อไป./.