นางเหงียนถิกิมเงินพบปะกับนาย บุนยัง วอละจิต เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศลาว
|
(VOVworld) - ในกรอบการเยือนประเทศลาวอย่างเป็นทางการ บ่ายวันที่ 26 กันยายน นางเหงียนถิกิมเงิน ประธานรัฐสภาเวียดนามได้มีการเจรจากับนาง ปานี ยาท่อตู้ ประธานรัฐสภาลาวและพบปะกับนาย บุนยัง วอละจิต เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศลาว
โดยในการพบปะกับนาง ปานี ยาท่อตู้ ประธานรัฐสภาทั้งสองท่านได้ชื่นชมผลการตรวจสอบการปฏิบัติข้อตกลงร่วมมือระหว่างสองประเทศในเวลาที่ผ่านมา เห็นพ้องแนวทางและมาตรการเสริมสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างองค์กรนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศ ตลอดจนแสดงความยินดีต่อการพัฒนาของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและโอดีเอ เวียดนามเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับที่ 3 ในประเทศลาวรวมเงินทุนจดทะเบียนอยู่ที่กว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ความร่วมมือในด้านการศึกษา คมนาคมขนส่ง การเงิน ธนาคาร เป็นต้น นับวันยิ่งมีประสิทธิภาพและขยายกว้างมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายได้สร้างสรรค์เส้นพรมแดนที่สันติภาพและมิตรภาพ ประธานรัฐสภาทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันในด้านต่างๆ รวมทั้งการจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 55 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับลาวและ 40 ปีวันลงนามสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับลาว ตลอดจนการประสานงานอย่างใกล้ชิดบนเวทีโลก รัฐสภาลาวสนับสนุนเนื้อหาของแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน 49 เกี่ยวกับทะเลตะวันออก ลาวได้ให้คำมั่นว่า จะปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมมือระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ
ส่วนในการพบปะกับนาย บุนยัง วอละจิต เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศลาว นางเหงียนถิกิมเงินได้ยืนยันถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือให้ความสำคัญและความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านาน ความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับลาว พร้อมทั้งแจ้งผลการเจรจากับนาง ปานี ยาท่อตู้ ประธานรัฐสภาลาว ส่วนนาย บุนยัง วอละจิต เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศลาวได้ชื่นชมการเลือกประเทศลาวเป็นประเทศแรกในการเยือนต่างประเทศของนางเหงียนถิกิมเงินในฐานะประธานรัฐสภาเวียดนามโดยยืนยันว่า การเยือนลาวครั้งนี้ของประธานรัฐสภาเวียดนามจะมีส่วนร่วมเสริมสร้างความสัมพันธ์สามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศให้กว้างลึกมากขึ้น.