รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม (Photo VNplus) |
ในการนี้รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เร็กซ์ ทิลเลอร์สันได้ยืนยันว่า สหรัฐให้ความสำคัญและมีความปราถนาว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะพัฒนาอย่างเข้มแข็งมากขึ้นผ่านระเบียบการร่วมมือในหลายด้านอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อมีส่วนร่วมต่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก ตลอดจนย้ำถึงโอกาสการขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุน ความมั่นคง – กลาโหมและการประสานงานแก้ไขปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ ส่วนนายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนซวนฟุ๊กได้ยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์กับสหรัฐและเชื่อว่า การเยือนครั้งนี้จะมีส่วนร่วมธำรงอัตราการขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเวียดนาม – สหรัฐ และสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาความสัมพันธ์ตามแนวทางที่มีเสถียรภาพ ยาวนาน สร้างสรรค์และได้รับประโยชน์ร่วมกันบนพื้นฐานที่ให้ความเคารพระบอบการเมืองของแต่ละฝ่าย เพื่อมีส่วนร่วมธำรงสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลกในหลายทศวรรษที่จะถึง
ในบ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กได้ไปเยือนสถาบันมรดก ซึ่งเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลกเกี่ยวกับการวิจัยยุทธศาสตร์อิสระและมีบทบาทสำคัญต่อการวางแผนและปฏิบัตินโยบายของสหรัฐและปัญหาระหว่างประเทศ โดยได้กล่าวปราศรัยต่อนักการเมือง นักวิชาการ เอกอัครราชทูตและตัวแทนสถานทูตประเทศอาเซียนเกี่ยวกับ “โอกาสและความท้าทายต่อสันติภาพ ความมั่นคง ความร่วมมือและการพัฒนาในเอเชีย – แปซิฟิกและการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเวียดนาม – สหรัฐ” โดยชื่นชมการที่รัฐบาล นักการเมืองและนักวิชาการสหรัฐได้สนับสนุนการแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกด้วยสันติวิธี ตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 ให้ความเคารพกระบวนการทางการทูตและทางนิตินัย ไม่ใช้หรือข่มขู่ที่จะใช้แรงกำลง ไม่เปลี่ยนแปลงสภาพเดิม มีปฏิบัติการทางทหารหรือทำการควบคุมทางน้ำและทางอากาศในทะเลตะวันออกเพียงฝ่ายเดียว ปฏิบัติตามแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือโอซีอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และมุ่งสู่การจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว
ในค่ำวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนซวนฟุ๊กได้มีการหารือทางโทรศัพท์กับส.ส.หลักของพรรครีพับลิกันและเดโมแครต โดยแสดงความประสงค์ว่า ความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเวียดนาม – สหรัฐจะพัฒนาต่อไปบนพื้นฐานที่ให้ความเคารพระบอบการเมืองของแต่ละฝ่ายและขยายความร่วมมือทางการค้า พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐสภาสหรัฐให้ความสนใจและสนับสนุนการธำรงสันติภาพ ความมั่นคง การเดินเรือและการบินอย่างเสรีและปลอดภัย รวมทั้งแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกด้วยสันติวิธีตามกฎหมายสากล กระบวนทางการทูต รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 ปฏิบัติดีโอซีอย่างจริงจังและมุ่งสู่การจัดทำซีโอซีโดยเร็ว
ส่วนส.ส.สหรัฐได้เห็นพ้องกันว่า ทั้งสองฝ่ายจะขยายความร่วมมือในการแก้ไขผลร้ายจากสงคราม การพบปะแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน การวิจัยวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความมั่นคงทางน้ำ สมุทรศาสตร์ แก้ไขปัญหาการพิพาทในทะเลตะวันออกตามกฎหมายสากลและกระบวนการทางการทูตและนิตินัย เพื่อมีส่วนร่วมต่อสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ ความร่วมมือและพัฒนาในภูมิภาค พร้อมทั้งผลักดันความร่วมมือระหว่างรัฐสภาทั้งสองประเทศ.