(VOVworld) – นอกรอบการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 22 ที่กำลังมีขึ้น ณ ประเทศบรูไน ท่าน Nguyễn Tấn Dũng นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เข้าเฝ้าสุลต่านแห่งบรูไน ฮัจยี ฮาสซานาล โบลเกียห์ ในการนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศได้ยืนยันถึงการผลักดันความสัมพันธ์ที่น่าเชื่อถือและเข้าใจกันการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูง ผลักดันความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนเพื่อใช้ศักยภาพและจุดแข็งของแต่ละประเทศให้เกิดประโยชย์ ส่วนสุลต่านแห่งบรูไนทรงยืนยันว่าจะอำนวยความสะดวกเพื่อผลักดันความร่วมมือด้านปีโตรเลี่ยม สัตว์น้ำและการเกษตรกับเวียดนามให้มากยิ่งขึ้น ส่วนท่าน Nguyễn Tấn Dũng ได้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายเร่งรัดการเจรจาและลงนามข้อตกลงสนับสนุนและคุ้มครองการลงทุน บันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการเกษตรและสัตว์น้ำและบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือด้านแรงงาน สำหรับปัญหาในภูมิภาคและโลก ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องที่จะสนับสนุนกันในฟอรั่มในระดับภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะในอาเซียน รักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออก แก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฏหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฏหมายทางทะเลปี 1982 ให้ความสำคัญต่อแถลงการณ์ 6 ข้อของอาเซียนเกี่ยวกับทะเลตะวันออกและผลักดันการร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว
ส่วนในการพบปะระหว่างท่าน Nguyễn Tấn Dũng กับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ทั้งสองฝ่ายได้ให้ความสำคัญต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติระเบียบความร่วมมือระหว่างสองประเทศ รวมทั้งคณะกรรมการความร่วมมือทวิภาคีระดับกระทรวงการต่างประเทศและคณะกรรมการผสมเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องที่จะมอบหมายหน้าที่ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันร่างและกำหนดเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อออกแถลงการณ์ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในโอกาสการเยือนอินโดนีเซียของประธานประเทศ Trương Tấn Sang ในปี 2013 สำหรับปัญหาในภูมิภาคและโลก ท่าน Nguyễn Tấn Dũng ได้ให้ความาสำคัญต่อบทบาทและสถานะของอินโดนีเซียในฐานะที่เป็นสมาชิกที่เข้มแข็งของอาเซียน ความพยายามของอินโดนีเซียในการผลักดันการออกแถลงการณ์ 6 ข้อเกี่ยวกับทะเลตะวันออกและแสดงความปรารถนาว่า อินโดนีเซียจะส่งเสริมบทบาทของตนต่อไปเพื่อร่วมกับเวียดนามและประเทศสมาชิกอาเซียนให้การช่วยเหลือประธานอาเซียนในการผลักดันการปฏิบัติเป้าหมายของสมาคม รวมทั้งการสร้างสรรค์ประชาคมและส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในภูมิภาค มีส่วนร่วมต่อการรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและการพัฒนาในภูมิภาค รวมทั้งสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลตะวันออก ส่วนประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้ให้ความสำคัญและชื่นชมส่วนร่วมที่เข้มแข็งและความรับผิดชอบของเวียดนามและยืนยันว่า จะส่งเสริมการประสานงานที่ใกล้ชิดระหว่างสองประเทศในการพัฒนาความสามัคคี การสร้างสรรค์ประชาคมและส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน

บ่ายวันที่ 24 เมษายน นอกรอบการประชุมสุดยอดอาเซียน ท่าน  Nguyễn Tấn Dũng ได้มีการพบปะทวิภาคีกับนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย  นาย เบนิกโน เอส.อากิโน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์และนาย หลีเซียงหลง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์โดยในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีไทย ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องที่จะมอบหมายหน้าที่ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันและเสร็จสิ้นเนื้อหาการสนทนายุทธศาสตร์ สำหรับความร่วมมืออาเซียน ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความเห็นว่า ต้องพยายามปฏิบัติกระบวนการมุ่งสู่การสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนในปี 2015โดยท่าน Nguyễn Tấn Dũng ได้ยืนยันว่า เวียดนามสนับสนุนและพร้อมที่จะร่วมมือกับไทย ช่วยเหลือให้ประเทศไทยปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-จีนช่วงปี 2012-2015 ให้ประสบความสำเร็จ ผลักดันการเจรจาอาเซียน-จีนเกี่ยวกับหลักปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซี ส่วนในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้ยืนยันว่า จะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในฟอรั่มทั้งในระดับภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะในกรอบอาเซียนและสหประชาชาติ ตลอดจนการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออก  แก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธี ให้ความเคารพกฏหมายสากลและอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยกฏหมายทางทะเลปี 1982 ปฏิบัติแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซี แถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีนรำลึก 10 ปีดีโอซีและจัดทำร่างซีโอซีโดยเร็ว ส่วนในการพบปะกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ท่าน Nguyễn Tấn Dũng ได้เสนอให้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ช่วยประสานกับฝ่ายตุลาการขอปล่อยตัวชาวประมงเวียดนาม 24 คนโดยเร็ว ส่วนท่านประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้ยืนยันว่าจะพิจารณาและแก้ไขปัญหาดังกล่าว./.