พิธีเชิญธงอาเซียน ณ กรุงฮานอย
|
เวลา 8.00 น.ธงอาเซียนได้ถูกเชิญขึ้นสู่ยอดเสาภายใต้การเป็นสักขีพยานของแขกรับเชิญ ในการกล่าวปราศรัยในพิธี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ามบิ่งมิงห์ได้ย้ำว่า อาเซียนได้มีก้าวเดินอย่างยาวนานในกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ซึ่งนับวันพัฒนาอย่างคล่องตัวมากขึ้นโดยมีสมาชิกทั้ง 10 ประเทศในภูมิภาค ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้ทำให้อาเซียนต้องมี “ความเป็นหนึ่งเดียวและพร้อมปรับตัว” มากขึ้นและธำรงบทบาทการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค แม้อาเซียนกำลังต้องเผชิญความท้าทายต่างๆที่ไม่เคยมีมาก่อนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แต่อาเซียนได้เตรียมความพร้อมเพื่อฟื้นฟูอย่างรอบด้านและพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงหลังโควิด -19 “ผมขอย้ำว่า อนาคตของอาเซียนยังคงสดใสมาก บนเจตนารมณ์ “ความคิดเชิงประชาคมและการปฎิบัติเชิงประชาคม” เวียดนามจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศหุ้นส่วนและประชาคมระหว่างประเทศเพื่อสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่สามัคคีและมีพลังพึ่งพาตัวเองที่เข้มแข็งมากขึ้น”
ส่วนนาย สะเหลิมไซ กมมะสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาวได้กล่าวปราศรัยในพิธีเชิญธงอาเซียน ณ สำนักงานกระทรวงการต่างประเทศลาวว่า หนึ่งในผลสำเร็จของอาเซียนในตลอด 53 ปีที่ผ่านมาคือ อาเซียนได้มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากต่อสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก ในฐานะองค์การร่วมรัฐบาลระดับภูมิภาค อาเซียนจะขยายความร่วมมือระหว่างบรรดาประเทศสมาชิกและระหว่างอาเซียนกับหุ้นส่วนคู่สนทนามากขึ้น ในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 อาเซียนและหุ้นส่วนคู่สนทนาควรส่งเสริมความสามัคคีและทักษะความสามารถเพื่อปฏิบัติความคิดริเริ่ม มาตรการและการปฏิบัติตาม 3 เสาหลักของประชาคม อาเซียนเคยบรรลุผลงานต่างๆ เช่น จัดตั้งกองทุนร่วมมือเพื่อรับมือโรคโควิด -19 จัดตั้งคลังสำรองอุปกรณ์การแพทย์ของภูมิภาคอาเซียนและจัดทำแผนการฟื้นฟูอาเซียนอย่างรอบด้านหลังโควิด -19.