(VOVworld) - หลังจากทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 14 ตุลาคม บรรดาผู้นำเวียดนาม ได้แก่ประธานประเทศ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ส่งสารแสดงความเสียใจถึงพระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนชาวไทย โดยระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติ 70 ปี โดยพระองค์ทรงเสียสละเพื่อให้ประชาชนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งการเสด็จสวรรคตของพระองค์เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของพระบรมวงศานุวงศ์ ประชาชนอาเซียนและปวงชนชาวไทย เวียดนามตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเนื่องจากทรงมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับไทยในหลายปีที่ผ่านมาและหวังว่า ประเทศไทยจะฟันฝ่าความสูญเสียครั้งนี้ไปได้และพัฒนาก้าวรุดหน้าต่อไปตามความปรารถนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  ส่วนหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ๆและเว็บไซต์ต่างๆของเวียดนามก็ได้รายงานข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

(BangkokPost)

เมื่อเวลา 15 นาฬิกา 52 นาทีของวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกได้เสด็จสวรรคต สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย รวมทั้งมีโครงการพระราชดำริมากกว่า 2,000 โครงการ ทั้งในด้านการแพทย์สาธารณสุข การเกษตร การชลประทาน การพัฒนาที่ดิน การศึกษา ศาสนา สังคมวัฒนธรรม การคมนาคม และการเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกร และได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า เป็นราชาเหนือราชาและทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก” เพื่อพสกนิกรชาวไทย

ในวันเดียวกัน พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ประกาศว่า  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชในพระบรมโกศทรงเลือก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมารเป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์ เมื่อ วันที่ 28 ธันวาคมปีพ.ศ. 2515 รวมทั้งประกาศไว้ทุกข์เป็นเวลา1ปี และประกาศงดจัดกิจกรรมรื่นเริงต่างๆเป็นเวลา 30 วัน

ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำประเทศต่างๆได้แสดงความเสียใจต่อพระบรมวงศานุวงศ์ และประชาชนชาวไทย ในประกาศของโฆษกนาย บันคีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติระบุว่า นาย บันคีมุนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมทั้งหวังว่า ประเทศไทยจะสานต่อพระปณิทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับการให้ความเคารพสิทธิมนุษยชน ส่วนนาย บารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนชาวไทย รวมทั้งเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นมิตรที่ใกล้ชิดอย่างยิ่งกับสหรัฐฯ และทรงเป็นพันธมิตรที่ทรงค่ายิ่งกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลายท่าน  ส่วนนาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ส่วนสำนักประธานาธิบดีเมียนมาร์ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและรัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้แสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตเช่นกัน.