(VOVworld) – วันที่ 10 มิถุนายน ณ สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติในนครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐ ท่าน เลหว่ายจูง เอกอัครราชทูตเวียดนามและหัวหน้าคณะตัวแทนถาวรเวียดนามประจำสหประชาชาติได้พบปะกับท่าน โจห์น เอซี ประธานการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 68 เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่จีนส่งแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 เข้ามาตั้งในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนามในทะเลตะวันออกอย่างผิดกฎหมายโดยชี้ชัดว่า นับตั้งแต่ติดตั้งแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมปี 2014 มาจนถึงปัจจุบัน จีนได้ใช้เรือหลายลำและยานพาหณะหลายชนิด รวมทั้งเรือรบเพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังบังคับใช้กฎหมายในเขตทะเลของเวียดนาม ที่ร้ายแรงที่สุดคือจงใจชนเรือ ใช้ปืนฉีดน้ำแรงคันสูงโจมตีเรือของกองกำลังบังคับใช้กฎหมายและเรือประมงของเวียดนามซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจการประมงได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งและล่าสุดคือชนเรือประมงของเวียดนามที่กำลังจับปลาในเขตทะเลทำการประมงเดิมจนอับปาง ท่าน เลหว่ายจูง ยังยืนยันถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือแก้ไขการพิพาทผ่านมาตรการที่สันติบนพื้นฐานกฎหมายสากลและมีความปรารถนาธำรง พัฒนมสัมพันธไมตรีกับจีน เวียดนามได้ใช้ความอดกลั้นอย่างเต็มที่และพยายามแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบันผ่านการสนทนาและมาตรการที่สันติอื่นๆที่สอดคล้องกับกฎหมายสากลและอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 พร้อมทั้งเสนอให้สหประชาชาติและประชาคมโลกให้ความสนใจ สนับสนุนข้อเสนอที่มีเจตนาดีของเวียดนาม
ส่วนท่าน โจห์น เอซี ประธานการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้แสดงความวิตกกังวลของประชาคมโลกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในทะเลตะวันออก สนับสนุนแนวทางของเวียดนามเพื่อแสวงหามาตรการที่สันติเพื่อแก้ไขความตึงเครียดในปัจจุบันตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายสากล พร้อมทั้งแสดงความเห็นว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ควรมีปฏิบัติการแต่เพียงฝ่ายเดียวที่ทำให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียด พร้อมทั้งเผยว่า สำนักงานสมัชชาใหญ่สหประชาชาติกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและยืนยันว่า ตนพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกฝ่ายแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบัน ในการพบปะ ท่าน เลหว่ายจูงได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า เวียดนามมีหลักฐานอย่างสมบูรณ์ทั้งด้านประวัติศาสตร์และพื้นฐานทางนิตินัยเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซล พร้อมทั้งปฏิเสธคารมที่ขัดกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ขาดพื้นฐานทางนิตินัยสากลเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวที่ถูกระบุในเอกสารของจีนที่ได้เวียน ณ สหประชาชาติ รวมทั้งเนื้อหาที่ถูกระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนปี 2014 ของกระทรวงการต่างประเทศจีน./.