นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุก

มติดังกล่าวระบุว่า โรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาดในทั่วโลก รวมทั้งเวียดนาม โดยจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและมีความเป็นไปได้สูงที่อาจเกิดการแพร่ระบาดในเขตชุมชน ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ จากการถือความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุด นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้กำชับให้กระทรวง หน่วยงาน คณะกรรมการประชาชนจังหวัดและนครสังกัดส่วนกลางเน้นปฏิบัติมาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดภายใต้การชี้นำของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการชี้นำแห่งชาติเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ต้องปฏิบัติมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมทั่วประเทศเป็นเวลา 15 วัน ประชาชนไม่ควรเดินทางออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น ต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ในที่สาธารณะและต้องอยู่ห่างจากบุคคลอื่นอย่างน้อย 2เมตร

นายกรัฐมนตรียังได้สั่งให้ปิดด่านชายแดนที่ติดกับลาวและกัมพูชาทุกแห่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านชายแดนทางบก ทำการแยกตัวผู้ที่เดินทางมาจากประเทศลาวและกัมพูชาเป็นเวลา 14 วันและกำชับให้กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม และคณะกรรมการประชาชนท้องถิ่นต่างๆค้ำประกันการจัดสรรสินค้าที่จำเป็นให้แก่ประชาชน

ส่วนในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับมติที่ 16 นาย มายเตี๊ยนหยุง รัฐมนตรีและหัวหน้าสำนักรัฐบาล ได้ย้ำว่า การการเว้นระยะห่างทางสังคมทั่วประเทศมิใช่การปิดประเทศ โดยรัฐบาลยังคงสามารถควบคุมสถานการณ์เป็นอย่างดี ค้ำประกันชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งการผลิตและการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ซึ่งจะมีการชี้นำงานด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดอย่างเหมาะสมและเตรียมพร้อมการรับมือในทุกสภาวการณ์.