นำความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับมาเลเซียให้นับวันเข้าสู่ส่วนลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Photo VGP)
|
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องส่งเสริมความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ตามแนวทางที่นับวันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก บนพื้นฐานดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับและความร่วมมือในทุกช่องทาง โดยเฉพาะระหว่างสองพรรคและสองรัฐสภา ธำรงและส่งเสริมประสิทธิภาพของกลไกความร่วมมือทวิภาคี ส่วนนายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กได้ยืนยันว่า พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมีความประสงค์ที่จะขยายความสัมพันธ์ร่วมมือกับกลุ่มพรรคพันธมิตรแห่งความหวังของมาเลเซีย
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ผู้นำทั้งสองท่านได้มองว่า ศักยภาพความร่วมมือระหว่างสองประเทศยังมีอีกมาก ดังนั้นต้องผลักดันและแสวงหาแนวทางใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่การเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจของภูมิภาคกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง นายกรัฐมนตรีมาเลเซียให้คำมั่นว่า จะเพิ่มการลงทุนในด้านต่างๆในเวียดนาม เช่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีมูลค่าสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น รัฐบาลมาเลเซียค้ำประกันผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายและอำนวยความสะดวกให้แรงงานเวียดนามอาศัยและทำงานในประเทศมาเลเซีย
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยืนยันว่า มาเลเซียสนับสนุนเวียดนามในบทบาทประธานหมุนเวียนอาเซียนในปี 2020 และสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 รวมทั้งจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเวียดนามเพื่อผลักดันการพัฒนาของประชาคมอาเซียนที่เชื่อมโยงและเป็นฝ่ายรุกในการรับมือ ส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางในโครงสร้างของภูมิภาค ร่วมกันพยายามเพื่อสร้างสรรค์ภูมิภาคที่สันติภาพ เสถียรภาพ ร่วมมือ พัฒนาและให้ความเคารพกฎหมาย
นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้ยืนยันว่า เวียดนามและมาเลเซียจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับอาเซียนเพื่อรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง การเดินเรือและการบินอย่างเสรีและปลอดภัยในทะเลตะวันออก และได้แสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลตะวันออกในปัจจุบันและย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธี การปฏิบัติตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 ให้ความเคารพกระบวนการทางการทูตและกฎหมาย ไม่ใช้หรือข่มขู่ที่จะใช้กำลัง ไม่มีปฏิบัติการทางทหาร ปฏิบัติดีโอซีอย่างสมบูรณ์และจริงจัง พยายามบรรลุซีโอซีที่จริงจัง มีประสิทธิภาพและมีข้อผูกมัดทางนิตินัยโดยเร็ว
หลังการเจรจา นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงเกี่ยวกับการลงนามบันทึกช่วยจำความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายและการค้นหากู้ภัยทางทะเล รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนหนังสือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลุ่มส.ส.มิตรภาพมาเลเซีย – เวียดนาม.