นายกรัฐมนตรีและบรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุม (vietnamplus) |
ปี 2017 มูลค่าการส่งออกของเวียดนามบรรลุกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 เมื่อเทียบกับปี 2016 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่สภาแห่งชาติและรัฐบาลมอบหมาย แต่ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม มูลค่าการส่งออกส่วนใหญ่มาจากสถานประกอบการเอฟดีไอ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของมูลค่าการส่งออก ในการประเมินความคิดเห็นในการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงปัญหาหลักที่สร้างอุปสรรคต่อการขยายตัวการส่งออกคือระเบียบกฎหมายและการปฏิรูประเบียบราชการ และสั่งให้แก้ไขวิธีการบริหาร สร้างบรรยากาศที่โปร่งใส อำนวยความสะดวก แก้ไขกรอบทางนิตินัย นโยบายด้านภาษีและเอกสารบริหารการค้าต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการส่งออก “ต้องส่งเสริมศักยภาพ ใช้ความได้เปรียบของเวียดนามเพื่อผลักดันการส่งออกทั้งด้านปริมาณ คุณภาพและมูลค่า ศักยภาพนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 15-20 ในหลายปีมานี้ ซึ่งถ้าหากตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะมีส่วนร่วมเพิ่มการขยายตัวจีดีพีของประเทศในระดับสูง”.
นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้แสดงความเห็นว่า ปัจจุบันโลกกำลังมีความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการค้าเนื่องจากแนวโน้มคุ้มครองการค้าที่เพิ่มขึ้น ประเทศต่างๆเพิ่มมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อาหาร รวมทั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับการจับปลาผิดกฎหมาย แหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ ยาปฏิชีวนะตกค้างในผลิตภัณฑ์ การป้องกันกำจัดวัชพืช ท่าน เหงียนซวนฟุก ได้แสดงความเห็นว่า การผลิตต้องมีความผูกพันตลาด ส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ตลาดต้องการ มิใช่สินค้าที่เวียดนามมีอยู่ อีกทั้งกำชับให้ความสนใจถึงงานด้านการปฏิรูประเบียบราชการและมาตรการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ส่งออกของเวียดนาม.