|
การเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีเวียดนามกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี |
(VOVWorld)-บ่ายวันที่๑๕ตุลาคม ตามเวลาเวียดนาม ณ สำนักนายกรัฐมนตรีเยอรมนี นาง อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ให้การต้อนรับท่าน เหงวียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ในการเจรจาภายหลังพิธีต้อนรับ ผู้นำทั้งสองท่านได้หารือเกี่ยวกับแนวทางและมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับเยอรมนีให้พัฒนาอย่างจริงจัง มีประสิทธิภาพและเข้าสู่ส่วนลึกยิ่งขึ้น ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการเจรจา ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องที่จะผลักดันการพบปะสังสรรค์ในทุกระดับเพื่อส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมืองและความเข้าใจระหว่างกัน ผลักดันความร่วมมือในด้านต่างๆที่ทั้งสองประเทศมีจุดแข็งและต้องการ ทั้งสองประเทศจะประสานงานอย่างใกล้ชิดในการจัดพิธีรำลึกครบรอบ๔๐ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี๒๐๑๕ พร้อมทั้ง ยืนยันว่า รัฐบาลทั้งสองประเทศจะอำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการในการขยายความร่วมมือด้านต่างๆที่มีจุดแข็งและได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เช่น พลังงานใหม่ พลังงานหมุนเวียน เภสัชกรรม การผลิตเครื่องจักรกล สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตรและสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนของแต่ละประเทศในเวลาที่จะถึง ผู้นำทั้งสองท่านยังเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือในด้านการศึกษาและฝึกอบรม ตุลากร กฎหมาย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท่าน เหงวียนเติ๊นหยุงยังเสนอให้เยอรมนีคงแหล่งเงินโอดีเอให้แก่เวียดนามใน๓ด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ คือ พลังงาน สิ่งแวดล้อมและการฝึกสอนอาชีพ อำนวยความสะดวกให้แก่ชมรมชาวเวียดนามที่ทำงานและอาศัยในประเทศเยอรมนี ให้ความช่วยเหลือการสอนภาษาเวียดนามในรัฐที่มีชาวเวียดนามอาศัยเป็นจำนวนมาก
บนเจตนารมณ์แห่งการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์และในฐานะเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในสหภาพยุโรปหรืออียู เยอรมนีให้การสนับสนุนเวียดนามในการขยายความร่วมมือในทุกด้านกับอียู นาง อังเกลา แมร์เคิลได้ยืนยันว่า รัฐบาลเยอรมนีให้การสนับสนุนการเสร็จสิ้นการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียูโดยเร็วและผลักดันการที่อียูรับรองระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามประจวบกับโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายลงนามข้อตกลงดังกล่าว ผู้นำทั้งสองท่านได้ย้ำว่า ข้อตกลงการค้าเสรีเป็นข้อตกลงที่สำคัญ ซึ่งจะสร้างโอกาสใหญ่ให้แก่ความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ พร้อมทั้ง เห็นพ้องที่จะผลักดันการประสานงานและให้การสนับสนุนกันในฟอรั่มพหุภาคีและองค์การระหว่างประเทศต่างๆ
ในการนี้ ผู้นำทั้งสองท่านยังหารือเกี่ยวกับปัญหาในภูมิภาคและโลกที่ให้ความสนใจร่วมกัน รวมทั้ง การแก้ไขปัญหาการพิพาทในทะเลตะวันออกอย่างสันติ สอดคล้องกับกฎหมายสากล อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลในปี๑๙๘๒และแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออก./.