ในบทปราศรัยของตน นายกฯเหงวียนซวนฟุก ได้ชื่นชมยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงเอเชีย-ยุโรปของอียูและเสนอให้ผู้ประกอบการส่งเสริมความคล่องตัวเพื่อผลักดันกระบวนการนี้ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น “รัฐบาลจัดทำกลไกและนโยบาย อำนวยความสะดวกในการลงนามข้อตกลงระหว่างประเทศต่างๆเพื่อเปิดทางให้นักลงทุนวางแผนประกอบธุรกิจ ผลักดันความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพสูง การพัฒนาการเกษตร พลังงาน สาธารณสุข การประดิษฐ์และการผลิต ควรจัดการสนทนาประจำระหว่างผู้นำประเทศและชมรมผู้ประกอบการทั้งสองทวีปในกรอบการประชุมอาเซมเพื่อหารือปัญหาต่างๆที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย”
ในการนี้ นายกฯเหงวียนซวนฟุกยังได้พูดถึงภาพรวมของเศรษฐกิจเวียดนามและย้ำถึงแนวทางการผสมผสานในเชิงรุกและการยกระดับการทูตทวิภาคีและพหุภาคี การสร้างสรรค์รัฐบาลที่บริสุทธิ์ มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาและรับใช้ประชาชน โดยเวียดนามให้ความสำคัญต่อบทบาทของสถานประกอบการที่เป็นหัวเรือและเป็นพลังขับเคลื่อนของการพัฒนา ซึ่งการที่ข้อตกลงอีวีเอฟทีเอจะได้รับการลงนามและให้สัตยบันโดยเร็วจะสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนระหว่างเวียดนาม-อียู.