นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมฟอรั่มเศรษฐกิจทางทะเลนครลิสบอน
|
(VOVworld) – เช้าวันที่ 5 มิถุนายน ท่านเหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีพร้อมภาริยาและคณะผู้แทนระดับสูงรัฐบาลเวียดนามได้เดินทางถึงกรุงโซเฟีย เริ่มการเยือนประเทศสาธารณรัฐบัลแกเรียอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนาย บอยโก บอริซอฟ นายกรัฐมนตรีบัลแกเรีย
ก่อนหน้านั้น เมื่อค่ำวันที่ 4 มิถุนายน นายกรัฐมตรีเหงียนเติ๊นหยุงและนายกรัฐมนตรีโปรตุเกสเปดรู ปาซูช กูเอลยูได้เข้าร่วมพิธีเปิดฟอรั่มเศรษฐกิจทางทะเลนครลิสบอน ซึ่งถือเป็นเหตุการสำคัญในกรอบการเยือนสาธารณรัฐโปรตุเกสอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงและคณะผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลเวียดนาม
ในการกล่าวปราศรัยในฟอรั่ม ท่านเหงียนเติ๊นหยุงได้ย้ำถึงความคล้ายคลึงกันและมีความผูกพันกับทะเล ดังนั้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจทางทะเล ซึ่งเป็นด้านที่มีศักยภาพและจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญของความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับโปรตุเกสในเวลาข้างหน้า ในสภาวการณ์แห่งโลกาภิวัตน์ที่นับวันกว้างลึกมากขึ้น ในขณะที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่แหล่งทรัพยากรบนบกนับวันร่อยหรอลงไป ประเทศต่างๆทั่วโลกต่างพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการรักษาความมั่นคงทางทะเลเป็นแผนการที่ต้องได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ดังนั้นความร่วมมือและร่วมสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศริมฝั่งทะเลและมหาสมุทร ซึ่งกลายเป็นแนวโน้มที่ยิ่งใหญ่ของโลก ท่านเหงียนเติ๊นหยุงยืนยันว่า “ความร่วมมือเศรษฐกิจทางทะเลจะไม่ประสบความสำเร็จถ้าหากความมั่นคง ความปลอดภัยและการเดินเรืออย่างเสรีถูกคุกคาม ปัจจุบันนี้ มีการส่งสินค้าร้อยละ 50 ผ่านทางทะเลที่เชื่อมระหว่างเขตเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือกับยุโรป แต่เสียดายว่า ในเขตทะเลตะวันออก บริเวณที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของเวียดนาม ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งทางทะเล กำลังมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ต่างๆ ซึ่งละเมิดกฎหมายสากลและอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 และข้อตกลงฉบับต่างๆในภูมิภาค ซึ่งกัดกรอนความไว้วางใจกัน เป็นภัยคุกคามอย่างรุนแรงต่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย การเดินเรือและการบินอย่างเสรี อาเซียน กลุ่มจี 7 และอีกหลายประเทศได้แสดงความกังวลต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าว ประชาคมระหว่างประเทศควรมีเสียงพูดที่เข้มแข็งมากขึ้นเพื่อเรียกร้องให้ยุติการกระทำที่ผิดกฎหมาย แก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธี ปฏิบัติตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 และแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันของฝ่ายต่างๆในทะเลตะวันออหรือดีโอซีอย่างเคร่งครัด ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ก่อให้เกิดความซับซ้อนและขยายการพิพาทเพื่อรักษาสันติภาพและผลประโยชน์ของโลก”
นาย เปดรู ปาซูช กูเอลยู นายกรัฐมนตรีโปรตุเกสได้ย้ำว่า โปรตุเกสมีความประสงค์ที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดและแลกเปลี่ยนอย่างกระตือรือร้นกับเวียดนามในการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลในเวลาข้างหน้าเพื่อผลประโยชนร่วมกัน เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง./.