ในการประชุม นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้กล่าวย้ำว่า ทั้งสองประเทศได้สามัคคีอย่างเป็นเอกฉันท์แล้ว ผู้ประกอบการสองประเทศก็ต้องสามัคคีเพื่อการพัฒนาร่วมกันของทั้งสองประเทศ ต้องถือผลประโยชน์ของทั้งสองชาติเหนือกว่าทุกสิ่ง เพราะเวียดนาม-ลาวมีสถานะทางภูมิศาสตร์ที่สะดวกมีภูเขาแม่น้ำที่เชื่อมต่อกัน มีศักยภาพทางวัฒนธรรมและมนุษย์แต่ยังไม่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาให้สมกับจุดแข็ง โอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันของแต่ละประเทศ
ส่วนด้านนายกรัฐมนตรีลาวได้เผยว่า ในเวลาข้างหน้าทั้งสองประเทศจะร่วมผลักดันการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและดำเนินโครงการคมนาคมทางบก ทางรถไฟ ท่าเรือหวูงอ้างและโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์การเกษตรต่อไป และหวังว่าผู้ประกอบการสองประเทศจะให้ความสนใจลงทุนพัฒนาธุรกิจในทั้งสองประเทศ เพื่อผลักดันจุดแข็งและศักยภาพ อันนำไปสู่ชีวิตที่อิ่มหนำผาสุกให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ.