|
นายเจิ่นซูหลิก สมาชิกรัฐสภานครโฮจิมินห์และผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ
|
(VOVworld) – ที่ประชุมรัฐสภาอภิปรายปัญหาเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและการปรับปรุงโครงสร้างภาคการเกษตร เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจสังคมปี๒๐๑๓และช่วง๓ปีคือ๒๐๑๑ถึงปี๒๐๑๓ ผู้แทนรัฐสภาจำนวนมากเห็นว่า ผลสำเร็จที่โดดเด่นที่สุดในปี๒๐๑๓คือ ขยายปัจจัยต่างๆเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจมหภาคซึ่งแสดงให้เห็นจากการควบคุมเงินเฟ้อ การสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเศรษฐกิจกำลังมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างไรก็ดี บรรดาผู้แทนรัฐสภาได้เสนอให้รัฐบาลวางมาตรการที่เป็นรูปธรรมในกระบวนการปฏิบัติ ๑คือความเชื่อมั่นในตลาดยังไม่ได้รับการฟื้นฟูเพราะมีสถานประกอบการหลายแห่งยังไม่สนใจกู้เงินเพื่อขยายการผลิตและประกอบธุรกิจ ๒คือ การส่งออกเพิ่มขึ้น แต่ภาคเศรษฐกิจภายในประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับต่ำ ๓คือการขาดดุลงบประมาณและหนี้สินที่ต้องชำระมากเนื่องจากในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามได้กู้เงินในระยะปานกลางซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค เกี่ยวกับเป้าหมายปี๒๐๑๔ ผู้แทนรัฐสภาจำนวนมากแสดงความชื่นชมต่อการที่รัฐบาลได้วางเป้าหมายใน๒ปีที่จะถึงโดยอัตราจีดีพีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ๖ต่อปี และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ๗ต่อปี นายเจิ่นซูหลิก สมาชิกรัฐสภานครโฮจิมินห์เห็นว่า “ ผมเห็นด้วยกับข้อคิดเห็นที่ว่าจะเปลี่ยจากการควบคุมเงินเฟ้อมาเป็นการตรวจสอบเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นทัศนคติที่สำคัญในการบริหารในเวลาข้างหน้า และผมก็เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นว่า เราไม่ควรเร่งรีบผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงต่อการที่ภาวะเงินเฟ้ออาจจะกลับมาอีก ทั้งนี้ผมขอเสนอมาตรการสองประการได้แก่ หนึ่งคือ การแก้ไขปัญหาการเงินอย่างคล่องตัว และการปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ร้อยละ ๑๔ – ๑๘ในช่วงปี ๒๐๑๔-๒๐๑๕และเน้นในการแก้ไขปัญหาใน ๕ ด้านที่ธนาคารชาติกำลังปฏิบัติอยู่ สองคือ นโยบายงบประมาณแผ่นดิน โดยมีการปรับปรุงนโยบายให้มีการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้งบประมาณแผ่นดินมีการหมุนเวียนได้ ”
ที่ประชุมยังเสนอต้องปฏิบัตินโยบายการเงิน งบประมาณแผ่นดินและการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า แก๊สและน้ำมันพร้อมๆกัน เห็นด้วยกับการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า ๑๗๐ ล้านล้านด่ง และจัดงบประมาณแบบขาดดุลอยู่ที่ร้อยละ ๕.๓ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี แต่ต้องใช้เงินทุนเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับปัญหาเกษตรกรรมและการพัฒนาชนบท ที่ประชุมเห็นว่า ภาคการเกษตร เกษตรกรและชนบทเวียดนามกำลังประสบกับความท้าทายครั้งใหญ่ โดยอัตราการเติบโตลดจากร้อยละ๓.๓ ในปี๒๐๑๐ ลงเหลือร้อยละ ๒.๘ในปีนี้ พื้นที่ทำการเกษตรลดลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนนายกาวดึ๊กฟ้าต รัฐมนตรีเกษตรและพัฒนาชนบทได้รายงานเกี่ยวกับปัญหาต่างๆที่ที่ประชุมได้หยิบยกขึ้นมาหารือโดยกล่าวว่า “ เกี่ยวกับการวางผังพื้นที่ปลูกข้าวนั้น พวกเราเน้นร่างหนังสือเวียนแนะนำให้ชาวบ้านรักษาพื้นที่นาแต่อาจจะเปลี่ยนมาปลูกพืชที่มีรายได้สูง สำหรับปัญหาปลาสวาย พวกเรากำลังมีการปรับปรุงการประกอบธุรกิจและการส่งออกเพื่อปกป้องการแข่งขันที่ไม่โปร่งใส การขายตัดราคาและเสียชื่อเสียง ในระยะยาว ทางกระทรวงได้ปรับปรุงแผนผังและเสนอมติต่อรัฐบาลเกี่ยวกับการบริหาร การผลิตและประกอบธุรกิจปลาสวาย และสร้างรูปแบบการเชื่อมโยงในด้านนี้ ”