นาย หวอวันเถือง ประธานประเทศเวียดนามกล่าวปราศรัยในงาน (Photo: TTXVN) |
ในการนี้ ประธานประเทศ หวอวันเถือง ได้กล่าวถึงผลสำเร็จของเวียดนามในเกือบ 40 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ พร้อมทั้งย้ำว่า เวียดนามยืนหยัดปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเอง สันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนา มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่าย เป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในรอบด้าน กว้างลึก เป็นเพื่อน เป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจ เป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบและแข็งขันของประชาคมระหว่างประเทศ ประธานประเทศ หวอวันเถืองย้ำว่า
“ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน เวียดนามแลกเปลี่ยนจุดยืนร่วมเกี่ยวกับการที่ประเทศต่างๆ ปฏิบัตินโยบายที่สันติภาพ มิตรภาพและความร่วมมือ ให้ความสำคัญต่อความเสมอภาค ผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของกันและให้ความเคารพกฎหมายสากล เวียดนามสนับสนุนการเสริมสร้าง ยกระดับประสิทธิภาพกลไกความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคี ผลักดันการประสานงานระหว่างประเทศเพื่อลดความตึงเครียด การป้องกันและยุติการปะทะ เพื่อแก้ไขปัญหาในการพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับมือความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ เวียดนามพร้อมมีส่วนร่วมต่อความพยายามร่วมของประชาคมโลกในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การเข้าร่วมกิจกรรมการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติและกิจกรรมการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ”
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ ประธานประเทศ หวอวันเถือง ได้ย้ำว่า ภายหลังการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติเมื่อปี 1995 โดยเฉพาะการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเมื่อปี 2013 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง จริงจังและมีประสิทธิภาพ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ท่าน เหงวียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและนาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน
“ ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐกำลังพัฒนาอย่างดีงาม ซึ่งเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับการปรับปรุงและสร้างสรรค์ความสัมพันธ์หลังสงคราม ซึ่งผลงานนี้มาจากความพยายามร่วมกันฟันฝ่าความท้าทายและความผันผวนทางประวัติศาสตร์ของผู้นำหลายรุ่นและประชาชนทั้งสองประเทศ ผู้นำสหรัฐได้ยืนยันสนับสนุนประเทศเวียดนามที่เข้มแข็ง อิสระ พึ่งตนเองและเจริญรุ่งเรือง เวียดนามถือสหรัฐเป็นหุ้นส่วนที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในนโยบายการต่างประเทศของตน พวกเรามีความเชื่อมั่นต่อศักยภาพความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศเพราะสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ มีส่วนร่วมต่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก เวียดนามมีความประสงค์ว่า ชมรมนักวิจัย นักวิชาการของสหรัฐ รวมทั้ง CRF จะเข้าร่วมและสนับสนุนกระบวนการนี้”
ประธานประเทศ หวอวันเถือง ยืนยันว่า ชมรมชาวเวียดนาม 2.4 ล้านคนที่กำลังอาศัย ศึกษาและทำงานในสหรัฐเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองประเทศ รัฐเวียดนามกำหนดว่า ชาวเวียดนามในต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากประชาชาติได้และให้ความสำคัญต่อกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ เวียดนามมีความประสงค์ว่า รัฐบาลสหรัฐจะอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐ
ในเช้าวันเดียวกัน ประธานประเทศ หวอวันเถือง ได้เยือนโรงพยาบาลและศูนย์วิจัยสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
ในวันเดียวกัน ประธานประเทศ หวอวันเถืองพร้อมภริยาได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวนายฝ่ามวันติกและพบปะกับตัวแทนชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐ โดยแสดงความประสงค์ว่า ชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐจะส่งเสริมความสามัคคี ให้ความเคารพกฎหมายและมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาของสหรัฐ ความสัมพันธ์ทวิภาคี ภารกิจการปกป้อง สร้างสรรค์และพัฒนาปิตุภูมิเวียดนาม.