การลงนามข้อตกลงเอฟทีเอระหว่างสองฝ่าย

(VOVworld) – ข้อตกลงการค้าเสรีจะเปิดโอกาสใหม่ให้แก่เวียดนาม นี่คือคำยืนยันของท่าน หวูฮวีหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจากที่เวียดนามและสหภาพศุลกากรประกอบด้วย รัสเซีย เบลารุสและคาซัคสถานลงนามแถลงการณ์ร่วม เสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพศุลกากร ท่าน หวูฮวีหว่างได้แสดงความเห็นว่า การลงนามข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอกับสหภาพศุลกากรจะช่วยให้สถานประกอบการเวียดนามมีโอกาสเจาะตลาดสหภาพศุลกากรก่อนหุ้นส่วนอื่นๆพร้อมเงื่อนไขที่สะดวกมากมาย ช่วยผลักดันการส่งออกสินค้า การบริการและการลงทุนของเวียดนาม โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกยังคงไร้เสถียรภาพต่อไป อีกทั้งสินค้าหลายชนิดของเวียดนามมีโอกาสขยายตัวด้านการส่งออกในระดับสูง เช่น สัตว์น้ำ ข้าว อาหาร สิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูป หนังสัตว์และเครื่องเฟอร์นิเจอร์   ตามการคาดการณ์ หลังจากที่ข้อตกลงเอฟทีเอมีผลบังคับใช้ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนของทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 18-20 ต่อปีซึ่งจากตัวเลขประมาณ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2014 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นถึง 1 หมื่น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020
สำหรับการบริการและการลงทุน จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทวิภาคีได้แสดงให้เห็นว่า การลงทุนโดยตรงจากสหภาพศุลกากรเข้าสู่เวียดนามและจากเวียดนามไปยังสหภาพศุลกากรจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากคำมั่นด้านการค้าเสรี บรรยากาศการลงทุนที่สะดวกมากขึ้นและคุณภาพการลงทุนที่ได้รับการปรับปรุงมากขึ้น ท่าน หวูฮวีหว่างได้ย้ำว่า ประเทศสมาชิกของสหภาพศุลกากรเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมพัฒนาค่อนข้างสูง เช่น พลังงาน ปิโตรเลี่ยม เทคโนโลยีการผลิตเครื่องจักรกล      เอฟทีเอจะช่วยให้สถานประกอบการของทั้งสองฝ่ายเรียนรู้ประสบการณ์เพื่อร่วมกันพัฒนา ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างโอกาสให้เวียดนามประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยของสหภาพศุลกากรในกระบวนการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย./.