ในการให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อบ่ายวันที่ 25 มิถุนายน หลังจากที่สภายุโรปอนุมัติการลงนามข้อตกลง EVFTA และข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุนหรือ IPA กับเวียดนาม เอกอัครราชทูต หวูแองกวางได้ให้ข้อสังเกตว่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่มีความหมายเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอียู
“ข้อตกลงสองฉบับดังกล่าวมีความหมายสำคัญต่อทั้งเวียดนามและอียู องค์การการค้าโลกและอียูได้ประเมินว่า นี่เป็นข้อตกลงการค้าเสรีรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกด้าน มีคุณภาพสูง ผสานการค้าและการลงทุนกับบรรทัดฐานทางสังคมแรงงาน สิ่งแวดล้อมและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน นี่ยังเป็นข้อตกลงการค้าและการลงทุนรูปแบบใหม่ฉบับแรกที่อียูลงนามกับประเทศที่มีรายได้อยู่ในระดับปานกลาง การลงนามข้อตกลงสองฉบับดังกล่าวจะนำผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มาให้แก่ทั้งเวียดนามและอียู”
จากการลงนามข้อตกลง 2 ฉบับดังกล่าวในเวลาที่จะถึง บรรดาผู้ประกอบการเวียดนามจะมีโอกาสมากมายเพื่อขยายการประกอบธุรกิจในตลาดที่มีประชากรกว่า 500 ล้านคน อัตราจีดีพีอยู่ที่กว่า 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 22 ของจีดีพีโลก หลังจากที่ได้รับการลงนามในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ข้อตกลง EVFTA จะมีผลบังคับใช้ทันทีหลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากสภาแห่งชาติเวียดนามและรัฐสภายุโรป ส่วนการลงนามข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุนต้องใช้เวลานานกว่าเนื่องจากต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาของ 28 ประเทศสมาชิกอียู เอกอัครราชทูต หวูแองกวาง ได้ให้ข้อสังเกตว่า
“สถานทูตเวียดนามและคณะผู้แทนเวียดนามประจำอียูได้แสดงความหวังว่า รัฐสภายุโรปชุดใหม่จะพิจารณาข้อตกลง 2 ฉบับดังกล่าวในเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมนี้และลงคะแนนอนุมัติในปลายปี 2019 หรือต้นปี 2020 นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายต่างๆแต่ผมเชื่อมั่นว่า ในกรอบความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองฝ่าย ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียูจะมีผลบังคับใช้ในปี 2020 และข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุนจะมีผลบังคับใช้โดยเร็วเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของทั้งเวียดนามและอียู”
กวางหยุง นักข่าววีโอวีประจำประเทศฝรั่งเศส