นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวปราศรัยในการสัมมนา (baoquocte.vn)

มีผู้แทนกว่า 300 คนและผู้แทนอีก 400คนที่เข้าร่วมในระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งในนั้นมีวิทยากรเกือบ 60 คนจาก 30 ประเทศ ตัวแทนจากสถานทูตประเทศต่างๆประจำเวียดนามและนักข่าวเกือบ 100 คนจากหน่วยงานสื่อสารมวลชน 58 แห่งทั้งภายในและต่างประเทศเข้าร่วม

ในการนี้ นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เผยว่า สถานการณ์ทะเลตะวันออกยังมีความท้าทายที่ยากจะคาดการณ์ได้ ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อสันติภาพ เสถียรภาพและความร่วมมือในภูมิภาค รวมถึงปฏิบัติการเพียงฝ่ายเดียวที่ไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติสากลและผลประโยชน์ของประชาคมโลก การแข่งขันทางการเมืองและภูมิศาสตร์ของประเทศใหญ่ๆและปฏิบัติการทางทหารในทะเลตะวันออกทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคซับซ้อนมากขึ้น ขัดขวางกระบวนการทางการทูตเพื่อส่งเสริมการสนทนาและความร่วมมือ ซึ่งเพื่อฟันฝ่าความท้าทายดังกล่าว ฝ่ายต่างๆต้องผลักดันการสนทนาและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและแสวงหามาตรการอย่างสันติเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการพิพาทในทะเลตะวันออกบนพื้นฐานของกฎหมายสากล กระชับความร่วมมือเพื่อทำให้ทะเลตะวันออกกลายเป็นเขตทะเลที่เชื่อมโยงและร่วมมือแทนการแข่งขันและเผชิญหน้า“ต้องธำรงบรรยากาศที่เอื้อให้แก่การกระชับความร่วมมือ โดยก่อนอื่นต้องเสริมสร้างความไว้วางใจยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศทั้งภายในและนอกภูมิภาคในปัญหาทะเลตะวันออก สำหรับมาตรการสร้างความไว้วางใจนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีนโยบายที่โปร่งใสและการปฏิบัติตามกฎหมายสากลอย่างเคร่งครัดและมีความรับผิดชอบ”

รัฐมนตรีช่วยฯบุ่ยแทงเซินยังได้ย้ำถึงการส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในโครงสร้างความมั่นคงในภูมิภาค การสนับสนุนวิสัยทัศน์อาเซียนเกี่ยวกับภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย-แปซิฟิกและเห็นพ้องเกี่ยวกับการที่อาเซียนมีวิธีการเข้าถึงเชิงยุทธศาสตร์ต่อปัญหาความมั่นคงทางทะเล อำนวยความสะดวกในการเสร็จสิ้นการจัดทำซีโอซีโดยเร็ว ไม่มีปฏิบัติการเพียงฝ่ายเดียวเพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงสภาพเดิมในทะเลตะวันออก ให้ความเคารพและปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982

ในกรอบการสัมมนาในระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน จะมีการจัดการสัมมนาพิเศษที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงจุดยืนเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก.