ภาพการประชุม (VNA) |
ในกรอบการประชุมระดับสูงอาเซียนครั้งที่ 33 และการประชุมต่างๆที่เกี่ยวข้อง วันที่ 15 พฤศจิกายน นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุก พร้อมบรรดาผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ รัสเซียและสหรัฐได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงเอเชียตะวันออก หรือ EAS ครั้งที่ 13
โดยประเทศต่างๆได้เห็นพ้องที่จะส่งเสริมให้ EAS เป็นกลไกการสนทนาเกี่ยวกับปัญหายุทธศาสตร์ในโครงสร้างภูมิภาคที่เปิดกว้าง ครอบคลุมตามกฎหมาย โดยอาเซียนมีบทบาทเป็นศูนย์กลาง ที่ประชุม EAS ได้อนุมัติแถลงการณ์ EAS 5 ฉบับได้แก่ แถลงการณ์เกี่ยวกับการต่อต้านปัญหาขยะพลาสติกในทะเล เครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน การกระชับความร่วมมือรักษาความมั่นคงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เศรษฐกิจดิจิตอล การต่อต้านภัยคุกคามจากสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติและกลุ่มก่อการร้ายที่เดินทางกลับประเทศและความมั่นคงด้านนิวเคลียร์
สำหรับสถานการณ์ระหว่างประเทศและในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ชี้ชัดว่า การสร้างบรรยากาศที่มีเสถียรภาพและสันติภาพอย่างยั่งยืนมีความหมายชี้ขาดต่อความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบร่วมของประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ย้ำว่า อาเซียนให้ความสำคัญต่อการใช้ความอดกลั้น ส่งเสริมการสนทนา สร้างสรรค์ความไว้วางใจ ไม่มีปฏิบัติการทางทหาร ปฏิบัติตามกฎหมายสากล ไม่ใช้ หรือ ข่มขู่ที่จะใช้กำลัง แก้ไขปัญหาการพิพาทและความขัดแย้งด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายสากลและอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 พร้อมทั้งเสนอให้ประเทศต่างๆสนับสนุนหลักการดังกล่าวของอาเซียนผ่านปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม
หลังการประชุมครบองค์ EAS ครั้งที่ 13 นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เข้าร่วมพิธีปิดการประชุมระดับสูงอาเซียน 33 และการมอบหน้าที่ประธานหมุนเวียนอาเซียนปี 2019 ให้แก่นายกรัฐมนตรีไทย.