นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม (VGP) |
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ประเมินว่า เศรษฐกิจสังคมในเดือนกรกฎาคมและใน 7 เดือนแรกของปี 2019 มีสัญญาณที่น่ายินดี เศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพ บรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น องค์การระหว่างประเทศได้ประเมินในเชิงบวกเกี่ยวกับศักยภาพการพัฒนาของเศรษฐกิจเวียดนามในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคและโลกชะลอตัว โดยธนาคาร ADB ได้พยากรณ์ว่า อัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจของเวียดนามจะอยู่ที่ร้อยละ 6.8 ส่วน IMF ได้พยากรณ์ว่า จะบรรลุร้อยละ 6.5 ในขณะที่ HSBC พยากรณ์ว่า จะอยู่ที่ร้อยละ 6.7 นอกจากนี้ ดัชนีการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี 2019 ของเวียดนามได้เลื่อนขึ้น 3 อันดับมาอยู่อันดับที่ 54 จาก 162 ประเทศและดินแดนและอยู่อันดับ 2 ในกลุ่มอาเซียน ส่วนดัชนีนวัตกรรมโลกของเวียดนามเลื่อนขึ้น 3 อันดับ มาอยู่อันดับที่ 42 จาก 129 ประเทศและอยู่อันดับ 3 ในกลุ่มอาเซียน
นอกจากนี้ ภาคการเกษตรมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพืชและสัตว์ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของเวียดนามได้รับการโหวตให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอันดับต้นๆในภูมิภาคและโลกจากนานาประเทศ เช่น กรุงฮานอยได้รับเลือกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารอร่อยที่สุดในโลก ส่วนเมืองเก่าฮอยอันได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่สวยที่สุดในโลกปี 2019
แต่อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้กล่าวถึงอุปสรรคต่างๆต่อเศรษฐกิจ เช่น การผลิตเกษตรประสบกับความลำบาก ปัญหาสภาพอากาศร้อนในระยะยาวในภาคกลางและเขตที่ราบสูงเตยเงวียน เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเวียดนาม
ในการกล่าวสรุปการประชุมเมื่อบ่ายวันที่ 1 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ย้ำว่า ภาวะเงินเฟ้อยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญในปี 2019 ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนและสภาพอากาศที่ร้อนจัด ดังนั้นจึงต้องประสานนโยบายต่างๆให้มีประสิทธิภาพ
สำหรับปัญหาสิ่งแวดล้อม นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้กำชับให้ท้องถิ่นต่างๆต้องมีมาตรการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยขยะที่ส่งมายังเวียดนามไม่ต้องฝังกลบขยะและให้ส่งกลับคืนไปยังประเทศต้นทาง ซึ่งกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมต้องรับผิดชอบแก้ไขปัญหาดังกล่าว“ต้องพยายามปฏิบัติทุกเป้าหมายของปี 2019 โดยอัตราการขยายตัวจีดีพีจะอยู่ที่ร้อยละ 6.8 และควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ต่ำกว่าร้อยละ 4 รัฐบาลได้มีมติที่กำหนดหน้าที่ต่างๆที่เป็นรูปธรรม ซึ่งสมาชิกรัฐบาลต้องปฏิบัติตามมติดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและต้องพยายามฟันฝ่าอุปสรรค ส่วนหน่วยงานทุกระดับต้องชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆของปี 2019 เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การวางแผนปฏิบัติในปี 2020”
.