นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก (Photo: baoquocte) |
เช้าวันที่ 12 พฤศจิกายน ได้มีการจัดการประชุมครบองค์การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 37ภายใต้อำนวยการของนายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก โดยมีผู้นำประเทศอาเซียน เลขาธิการอาเซียนและผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกเข้าร่วม ที่ประชุมเน้นหารือ 3 ประเด็นหลักได้แก่ ทำการตรวจสอบสถานการณ์อาเซียน รวมทั้ง การปฏิบัติประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในปี 2020 ความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการรับมือและแก้ไขผลเสียหายจากวิกฤตโควิด -19 ผลักดันการฟื้นฟูโดยรวมและวางแนวทางการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนในเวลาที่จะถึง เสริมสร้างบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับหุ้นส่วนต่างๆเพื่อสันติภาพ การพัฒนาอย่างยั่งยืน รับมือความท้าทายต่างๆ เช่นการกำหนดสถานะที่เหมาะสมให้แก่อาเซียนหลังวิกฤตโควิด -19 ปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ให้ความสนใจ ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้ชี้ชัดว่า
“การประชุมครั้งนี้เป็นการยืนยันอีกครั้งถึงจิตใจแห่งความสามัคคีและค้ำประกันให้อาเซียนฟันฝ่าความท้าทายต่างๆ รวมทั้งคำมั่นของทุกประเทศสมาชิกในการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียน ซึ่งความคิดเห็นต่างๆในการประชุมได้กำหนดมาตรการปฏิบัติเป้าหมายในวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนและในเวลาที่จะถึง ส่งเสริมบทบาทและสถานะของอาเซียนในภูมิภาคและโลก”
ในการกล่าวปราศรัยต่อการประชุมครบองค์ของการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 37 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ วันที่ 12 พฤศจิกายน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มุฮ์ยิดดิน ยัซซินได้ย้ำว่า มาเลเซียยืนหยัดจุดยืนที่ว่า ปัญหาทะเลตะวันออกต้องได้รับการแก้ไขอย่างสันติ สอดคล้องกับกฎหมายสากล รวมทั้ง อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องต้องประสานงานกันเพื่อค้ำประกันเขตทะเลตะวันออกเป็นเขตทะเลที่สันติภาพ เสถียรภาพและการค้าระหว่างประเทศ อีกทั้ง ย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของอาเซียนในภูมิภาคและชี้ชัดว่า อาเซียนจะสามารถรักษาบทบาททางยุทธศาสตร์นี้ได้เมื่อทุกประเทศสมาชิกสามัคคีและทำงานร่วมกันในความเป็นเอกภาพ.