(VOVWorld)-ภาคการเกษตรเวียดนามได้กลายเป็นด้านที่ดึงดูดการลงทุนจากสถานประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศจำนวนมาก โดยแหล่งเงินลงทุนนับวันยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น เพื่อดึงดูดและส่งเสริมความมีประสิทธิภาพของแหล่งเงินทุนดังกล่าว รัฐบาลเวียดนามได้ออกกลไกและนโยบายเพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ไขอุปสรรค์ให้แก่สถานประกอบการในการประกอบธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
ฟาร์มโคนมของเครือบริษัททีเอชได้มาตรฐานระดับเอเชีย |
พื้นที่การเกษตรยังมีศักยภาพมากมายเพื่อลงทุน นี่เป็นข้อสังเกตุของบรรดาสถานประกอบการที่ลงทุนในด้านการเกษตร ปัจจุบัน เครือบริษัทใหญ่ๆได้ให้คำมั่นที่จะลงทุนในด้านนี้ รวมยอดเงินทุนนับสิบล้านล้านด่ง ซึ่งในนั้น เครือบริษัททีเอชได้ประสบความสำเร็จในการลงทุนด้านการเกษตรมาตั้งแต่ปี๒๐๐๙ด้วยเครื่องหมายการค้านมสดTH Truemilk โดยมีโครงการ “การเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมแปรรูปนมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง”ในอำเภอเหงี๋ยด่าน จังหวัดเหงะอาน จนถึงขณะนี้ ฟาร์มโคนมของเครือบริษัททีเอชได้มาตรฐานระดับเอเชีย โดยมีโคนมประมาณ๔หมื่น๕พันตัวสามารถผลิตนมได้๘แสน-๙แสนลิตรต่อวัน ความสำเร็จของเครือบริษัททีเอชได้ช่วยกระตุ้นกระแสการลงทุนด้านการเกษตร โดยมีเครือบริษัทใหญ่ๆ เช่น บริษัทหุ้นส่วนหว่างแองยาลาย เครือบริษัทหว่าฟาต เครือบริษัทVingroup เครือบริษัทเอฟพีทีและเวียดเทลเข้าร่วมลงทุน การลงทุนด้านการเกษตรอาจสร้างรายได้สูงแต่เพื่อให้สถานประกอบการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพ ต้องมีก้าวกระโดดด้านนโยบายเพื่อดึงดูดการลงทุน นาย เจิ่มแหมงบ๊าว ประธานคณะกรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทหุ้นส่วนผลิตพันธ์พืชท้ายบิ่งได้เผยว่า "นโยบายและกลไกต่างๆได้รับการประกาศใช้แต่สถานประกอบการต้องใช้เวลานานเพื่อทำความเข้าใจและปฏิบัติ ดังนั้น ต้องมีความเชื่อมโยงระหว่างสำนักงานบริหารภาครัฐ สถานประกอบการและสำนักงานปรึกษาเพื่อให้สถานประกอบการเข้าใจและประยุกต์ใช้นโยบายในสถานการณ์ที่เป็นจริงเป็นสิ่งที่ต้องทำในปัจจุบัน”
ปัญหาที่บรรดาสถานประกอบการลงทุนด้านการเกษตรให้ความสนใจคือ นโยบายด้านภาษีสำหรับการลงทุนในระยะยาว นาย เหงวียนดิ๋งเซิน ประธานคณะกรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทหุ้นส่วนเทคโนโลยีชีวภาพหรื่งฮวาดาลัดได้เผยว่า ถ้าหากไม่มีนโยบายให้สิทธิพิเศษด้านภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจก็จะทำให้ทักษะความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบการในตลาดส่งออกลดลง นาย เหงวียนเลิมเวียน ประธานคณะกรรมการบริหารเครือบริษัทวินามิด ผู้ผลิตสินค้าเกษตรอบแห้งได้เผยว่า “ผลิตภัณฑ์ของเรามีส่วนแบ่งสำหรับตลาดภายในประเทศที่ร้อยละ๖๐ ส่วนมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ๔๐ จากรายได้มูลค่านับล้านล้านด่งต่อปี ทางบริษัทต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ๑๐แทนเกษตรกร เพราะการซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรไม่ได้รับการยกเว้นภาษี บรรดาสถานประกอบการมีความประสงค์ว่า กระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนสถานประกอบการในการลงทุนและพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน”
ดอกเตอร์ ดั๋งกีมเซิน อธิบดีสถาบันนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรและชนบทสังกัดกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม
(Photo: vnexpress.vn)
|
ดอกเตอร์ ดั๋งกีมเซิน อธิบดีสถาบันนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรและชนบทสังกัดกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนามได้เผยว่า ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในด้านการเกษตร “การเกษตรได้กลายเป็นด้านการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน สำหรับนโยบายใหม่ พวกเราต้องมีวิธีการเข้าถึงและเปิดตลาดภายในประเทศและการส่งออก พวกเราคิดว่า ต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาและแปรนโยบายให้เป็นรูปธรรม”
กระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนามได้วางโครงการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานการเกษตรตามแนวทางเพิ่มมูลค่าเพิ่มและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีความประสงค์ว่า หน่วยงานการเกษตรจะกลายเป็นหน่วยงานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ในเวลาที่จะถึง เพื่อให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ต้องมีก้าวกระโดดทั้งด้านกลไกและนโยบายเพื่ออำนวยความสะดวกและดึงดูดสถานประกอบการลงทุนในด้านการเกษตรมากขึ้น./.