ผักเคลซึ่งเป็นผักจากประเทศตะวันตก สามารถเติบโตได้ดีในจังหวัดหล่าวกาย

ผักเคลซึ่งเป็นผักจากประเทศตะวันตก สามารถเติบโตได้ดีในจังหวัดหล่าวกาย ซึ่งหมู่บ้าน ปาชือตี๋ มีฟาร์มปลูกผักเคลหลายแห่ง หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ยากจนมากที่สุดในอำเภอบั๊กห่า ซึ่งการปลูกผักเคลช่วยให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผักเคลใช้เวลาปลูกประมาณ 2 เดือน ซึ่งพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงที่สวน บางที ราคาสูงถึง 50,000 ด่งต่อกิโลกรัม นาย ห่างแซวกี๊ จากหมู่บ้านปาชือตี๋ กล่าวว่า

“ช่วงแรกรู้สึกว่าการปลูกผักเคลค่อนข้างยาก แต่หลังจากได้รับคำแนะนำก็ทำได้ นอกจากนี้ เราก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในระหว่างการปลูก จึงทำให้ได้ผลผลิตเป็นอย่างดี”

จากการเล็งเห็นถึงศักยภาพของการปลูกผักปลอดสารพิษ นาย นงวันเอื๊อก จากตำบล โฟ้หร่าง อำเภอ บ๋าวเอียน ได้ตัดสินใจปรับพื้นที่บ่อเลี้ยงปลาเกือบ 1,500 ตารางเมตรมาเป็นสวนปลูกผัก โดยกองเยาวชนได้สนับสนุนให้ครอบครัวกู้เงิน 100 ล้านด่งหรือเกือบ 4,300 ดอลลาร์สหรัฐจากกองทุนแห่งชาติเพื่อพัฒนารูปแบบนี้ เขาบอกว่า

“ รูปแบบการปลูกผักปลอดสารพิษมีประสิทธิภาพมาก ซึ่งนอกจากปลูกผัก เรายังพัฒนาฟาร์มเลี้ยงไก่และสุกรอีกด้วย สร้างรายได้ในปี 2022 ได้ประมาณ 300 ล้านด่งหรือ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐ”

ด้วยความตั้งใจที่จะหลุดพ้นจากความยากจน นายจ๊างอาหลือ จากหมู่บ้านจุงฉาย ตำบลอีตี๊ อำเภอบ๊าดซาด ได้ลงทุนปลูกพืชนอกฤดูกาล ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครในหมู่บ้านเคยทำ แต่จากการช่วยเหลือของกองเยาวชนและทางการท้องถิ่นทุกระดับบวกกับความพยายามเรียนรู้ประสบการณ์ นาย จ๊างอาหลือ สามารถทำกำไรได้ 200 ล้านด่งหรือ 8,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

“ในหลายปีมานี้ การปลูกผักสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวเรามากกว่าการปลูกข้าวและข้าวโพด 5- 6 เท่า”

จากความสำเร็จในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพของนาย จ๊างอาหลือ กองเยาวชนในตำบลอีตี๊ได้ขยายผลให้เยาวชนในพื้นที่ปฏิบัติตามเพื่อสร้างงานทำและเพิ่มรายได้ นาย ลีก๊อลวี้ เลขาธิการกองเยาวชนตำบลอีตี๊ กล่าวว่า

“จ๊างอาหลือเป็นสมาชิกกองเยาชนที่เก่งในการทำธุรกิจ จากตัวอย่างแห่งความสำเร็จนี้ เราได้ประชาสัมพันธ์ให้เยาวชนในหมู่บ้านต่างๆ เรียนรู้ปฏิบัติตามเพื่อขยายผล ทุกๆ ปี กองเยาวชนตำบลฯ ได้จัดทำแผนการเพื่อสนับสนุนเยาวชนทำธุรกิจสตาร์ทอัพ แล้วส่งรายชื่อให้ธนาคารนโยบายให้การช่วยเหลือในการกู้เงินเพื่อสร้างฐานะและหลุดพ้นจากความยากจน”