เมื่อปี 2023 Kaopiz Smart OCRได้รับการยกย่องในรายชื่อท็อป 10 ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีดิจิทัลยอดเยี่ยมสำหรับตลาดต่างประเทศ ในกรอบโครงการ MakeinVietnamของกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์เวียดนาม |
ในช่วงปี 2011-2012 เทคโนโลยีถือเป็นสาขาธุรกิจใหม่ในเวียดนาม ซึ่งหลังจากสำเร็จการศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นและกลับมาทำงานให้กับบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติบางแห่งในเวียดนาม นาย เลวันหว่าง ผู้ก่อตั้งบริษัท Kaopiz Holdings ได้มองเห็นถึงโอกาสมากมายในด้านนี้ ควบคู่กับกระแสการลงทุนเข้าไปเวียดนามของกลุ่มผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่กำลังมาแรงในตอนนั้น เขาเองกับเพื่อนร่วมงานจึงจัดตั้งบริษัท Kaopiz เมื่อปี 2014 ด้วยความฝันที่อยากจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีของญี่ปุ่นได้ CEO เลวันหว่าง เผยว่า
“ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างมาก ความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อรองรับกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้กับองค์กรธุรกิจญี่ปุ่นอยู่ในระดับสูง แต่ประสบปัญหาการขาดแคลนโปรแกรมเมอร์และแรงงานด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นจำนวนมาก ในขณะที่วิศวกรชาวเวียดนามก็มีทักษะความสามารถไม่ด้อยกว่าวิศวกรชาวญี่ปุ่น เช่น ในด้านปัญญาประดิษฐ์ ดังนั้น พวกเราจึงตัดสินใจนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่มีคุณภาพดีไม่แพ้กัน ซึ่งสามารถแข่งขันกับกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นได้”
ถึงแม้ออร์เดอร์ในช่วงแรกๆ จะมีมูลค่าเพียงไม่กี่พันดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ก็สร้างแรงจูงใจและความมั่นใจอย่างสูงให้กับ Kaopiz ในการพิชิตความฝันอันยิ่งใหญ่ ซึ่งหลังจากก่อตั้งบริษัทฯ ได้เพียง 2 ปี และระบุตลาดญี่ปุ่นเป็นเป้าหมายหลักบริษัทฯ จึงมุ่งมั่นตั้งใจทุ่มเทให้แก่ตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดแห่งนี้ และเปิดสำนักงานแห่งแรกของ Kaopiz ในญี่ปุ่นที่กรุงโตเกียวเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2016
“ผมมองเห็นจุดแข็งใน2เรื่องอย่างแรกคือ ความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรมระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น และอย่างที่สองคือ วิศวกรเวียดนามสามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้โดยตรงด้วยภาษาญี่ปุ่น ซึ่งช่วยทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเข้าหากันได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งก็คือ วิศวกรเวียดนาม ซึ่งมีทักษะความสามารถและคุณสมบัติที่ไม่ด้อยกว่าวิศวกรชาติอื่นในโลก สามารถสร้างสรรค์สินค้าที่มีคุณภาพดีได้ด้วยเช่นกัน”
นาย เลวันหว่าง ผู้ก่อตั้งบริษัท Kaopiz Holdings |
เมื่อปี 2023 บริษัท Kaopiz มีรายได้มากกว่า 8 ล้าน 6 แสนดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในนั้น ร้อยละ 95 มาจากตลาดญี่ปุ่น จนถึงปัจจุบัน Kaopiz Holdings ได้กลายเป็นระบบนิเวศที่ประกอบด้วยกลุ่มบริษัทลูกในเครือหลายแห่ง เช่น Kaopiz Software ที่เชี่ยวชาญด้านการบริการซอฟต์แวร์ และ Kaopiz Solutions ที่เชี่ยวชาญในวิธีการแก้ไขปัญหา รวมถึงบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการบริการและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ Kaopiz Inc, Codestar และ Kgo ด้วยทีมวิศวกรรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความกระตือรือร้นและความพยายามในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งนอกจากตลาดญี่ปุ่นแล้ว บริษัทฯ กำลังดำเนินโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นสำหรับเว็บไซต์ มือถือ และเกมส์ ให้กับลูกค้าใน ฮ่องกง (ประเทศจีน) และแคนาดา เป็นต้น นาย เหงวียนดิ่งนาม วิศวกรของ Kaopiz เผยว่า
“ที่ Kaopiz พวกเราได้ศึกษาเรียนรู้ วิจัย และเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความคล่องตัวและกระตือรือร้น โดยพวกเราได้จัดงานสัมมนาหรือการแลกเปลี่ยนความรู้เป็นประจำทุกสัปดาห์ตามหัวข้อหรือประเด็นใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยี อัพเดตความรู้ด้านเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการในการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนารายบุคคล”
เมื่อปี 2023 ผลิตภัณฑ์การแปลงเอกสารเป็นรูปแบบดิจิทัลสำหรับตลาดญี่ปุ่น Kaopiz Smart OCR ได้รับการยกย่องในรายชื่อท็อป 10 ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีดิจิทัลยอดเยี่ยมสำหรับตลาดต่างประเทศ ในกรอบโครงการ Make in Vietnam ของกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์เวียดนาม ในขณะที่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว Kaopiz ได้เข้าร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลกับบริษัท Hammock Group ของญี่ปุ่น ส่วนในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Kaopiz ได้รับเลือกเป็นรองประธานและหัวหน้าคณะกรรมการนโยบายของสมาคมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของเวียดนามในญี่ปุ่นหรือ VADX JAPAN ซึ่งถือเป็นสะพานเชื่อมเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและการพัฒนาระหว่างทั้งสองประเทศในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่เพียงเท่านี้ Kaopiz ยังคงมีการขยายตัวและยกระดับคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่องบน 3 ปัจจัยหลัก คือ ความพึงพอใจของลูกค้า การพัฒนาทีมงานวิศวกร และคุณประโยชน์ต่อสังคม ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ภาพลักษณ์ปัญญาเวียดนามสู่ระดับโลก CEO Kaopiz เลวันหว่าง เผยว่า
“ในเวลาข้างหน้า Kaopiz จะให้ความสำคัญต่อสองด้าน อย่างแรกคือ ผลิตซอฟต์แวร์สำหรับตลาดญี่ปุ่น สองคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ make-in-Vietnam ภายใต้แบรนด์ Kaopiz เพื่อนำเสนอสู่ตลาดโลก ปัจจุบัน บริษัทฯ ก็มีสินค้าประเภทดังกล่าวอยู่แล้ว เช่น ในตลาดญี่ปุ่น มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ที่ติดแบรนด์ Kaopiz แล้วจำหน่ายให้กับบริษัทในญี่ปุ่น โดยบริษัทฯ ยังถือลิขสิทธิ์อยู่ ซึ่ง Kaopiz มีความประสงค์อยากผลักดันการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เพื่อแสดงภาพลักษณ์ปัญญาเวียดนามสู่ระดับโลก พร้อมส่งเสริมจุดยืนขององค์กรธุรกิจเวียดนามในเวทีระหว่างประเทศ”
ด้วยความพยายามในตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จนถึงเดือนสิงหาคมนี้ บริษัท Kaopiz ได้มีการดำเนินโครงการประมาณ 700 โครงการจนสำเร็จ ในหลากหลายด้าน เช่น การศึกษา สาธารณสุข ระบบควบคุมอัตโนมัติ การก่อสร้าง การค้าปลีก เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้าว่า จะมีจำนวนพนักงานอยู่ที่ประมาณ 3,000 คน ในขณะที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ "Make by Kaopiz" จะมีรายได้เท่ากับรายได้จากบริการส่งออกซอฟต์แวร์ ส่วนรายได้ภายในปี 2030 คาดว่าจะบรรลุถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ด้วยทีมวิศวกรเกือบ 500 คนที่กำลังทำงานในกรุงฮานอย นครดานัง และกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น บริษัท Kaopiz Holdings นับวันมีความมั่นใจมากขึ้น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเวียดนาม สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งเป็นการยืนยันถึงสติปัญญาและทักษะความสามารถของคนเวียดนามบนเวทีโลก ./.