SAPO แอปพลิเคชันบริหารและขายสินค้าในหลากหลายช่องทางอย่างมีประสิทธิภาพ ณ เวียดนาม

Thanh Liên
Chia sẻ
(VOVWORLD) -SAPO คือผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีของบริษัท Sapo เวียดนามหุ้นส่วน ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการที่ดีที่สุดในการขายปลีกและอี – คอมเมิร์ซในเวียดนาม จากจุดแข็งในด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์ในการผลิตซอฟต์แวร์ Make in Vietnam ทางบริษัทฯ ไม่เพียงแต่จัดสรรแอปพลิเคชันที่สมบูรณ์ให้แก่ผู้ประกอบการเท่านั้น หากยังเน้นวิจัยและเดินหน้าในการผลิตและปฏิบัติมาตรการเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยืนยันสถานะของตนอีกด้วย
SAPO แอปพลิเคชันบริหารและขายสินค้าในหลากหลายช่องทางอย่างมีประสิทธิภาพ ณ เวียดนาม - ảnh 1SAPO แอปพลิเคชันบริหารและขายสินค้าในหลากหลายช่องทางอย่างมีประสิทธิภาพ ณ เวียดนาม (sapo.vn)
 

แอปพลิเคชัน SAPO ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการการขายสินค้าได้ช่วยให้ร้านค้าและสถานประกอบการขายปลีกสามารถขายสินค้าในช่องทางต่าง ๆ  เช่น ในร้านค้า บนเว็บไซต์ ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ Facebook และอี – คอมเมิร์ซ

ตามที่ผู้ประกอบการที่ใช้แอปฯนี้เล่าให้ฟัง เมื่อก่อนตอนยังไม่มีแอปฯ SAPO พวกเขาต้องใช้โปรแกรม excel และสมุดจด ในการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เพื่อบริหารร้าน ซึ่งต้องใช้คนเยอะ เสียเวลาและมักมีข้อผิดพลาด

“แอปฯนี้ช่วยการบริหารร้านค้าสะดวกมาก หนึ่งคือ สามารถตรวจสอบสินค้าในสต๊อกได้ง่าย ๆ เพราะว่า ร้านของเราขายสินค้าทั้งออนไลน์และโดยตรง เมื่อลูกค้าซื้อสินค้า จำนวนสินค้าในสต๊อกก็จะถูกอัพเดททันที ส่วนหน้าร้านออนไลน์ เราสามารถทราบจำนวนรายรับของร้านและการทำงานของพนักงานได้ทันทีผ่านระบบอินเตอร์เน็ต”

“นับตั้งแต่ที่ใช้แอปฯ SAPO การ livestream ขายสินค้าทำได้สะดวกมากขึ้น ทุกคอมเมนท์ใน fanpage ต่างๆ ได้ถูกอัพเดทบนแอปฯ SAPO ซึ่งแอปฯ SAPO จะช่วยเรารับใบสั่งซื้อและส่งข้อความถึงลูกค้า”

หน่วยงานการขายปลีกในเวียดนามกำลังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในกระแสการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งปัจจุบันนี้ ที่เวียดนามมีร้านสะดวกซื้อมากกว่า 3,000 แห่ง ตลาดกลางแจ้งกว่า 8,000 แห่งและร้านขายปลีกกว่า 2.2 ล้านแห่ง มีการขายสินค้าในหลากหลายช่องทาง ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการบริหารและจำหน่ายสินค้าถึงมือผู้บริโภคมากขึ้น ดังนั้น การเปิดตัวของแอปพลิเคชั่นขายสินค้าถือเป็นเรื่องที่จำเป็น นาย เหงียนมิงห์กวี๊ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท SAPO จำกัด กล่าวว่า

“เจ้าของร้านนับวันสามารถใช้แอปฯ ในการบริหารจัดการต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นการเช็คสินค้าในสต๊อก การขาย การบริหารพนักงานและการดูแลลูกค้า แนวทางการจำหน่ายสินค้าผ่านหลายช่องทางนับวันได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้แอปฯ SAPO ยังช่วยให้สถานประกอบการหรือธุรกิจครัวเรือนสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น”

SAPO แอปพลิเคชันบริหารและขายสินค้าในหลากหลายช่องทางอย่างมีประสิทธิภาพ ณ เวียดนาม - ảnh 2SAPO รับรางวัลในรายการ "เชื่อมั่นต่อสินค้าเวียดนาม" 2022(sapo.vn)

ปัจจุบันนี้ ที่เวียดนามมีแอปฯ บริหารการขายสินค้าต่างๆ เช่น Kiot เวียด Maybanhang และ Suno ส่วน SAPO ก็เป็นแอปฯ ที่เหมาะสำหรับการจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ เช่น ร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องสำอาง ของใช้ในครัวเรือนอาหารและของเล่น เป็นต้น โดยจนถึงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแอปฯ SAPO ได้มีสถานประกอบการและเจ้าของร้านกว่า 190,000 แห่งใช้งานกลายเป็นแอปฯบริหารจัดการร้านค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวียดนาม นอกจากนี้แอปฯ SAPO ยังได้รับรางวัลต่างๆ ในด้านเทคโนโลยี เช่น Make in Vietnam ซาวเคว รางวัลผู้นำด้านเทคโนโลยีและรางวัลเทคโนโลยีดิจิทัลเวียดนาม เป็นต้น

บรรดาผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า เศรษฐกิจเวียดนามต้องพึ่งพาเศรษฐกิจส่งออกแต่การจำหน่ายภายในประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก การขายปลีกมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในระดับสูงของจีดีพีและการลงทุนในการขายปลีกคือการลงทุนให้แก่อนาคตของเศรษฐกิจเวียดนาม นอกจากนั้น อัตราการขยายตัวของประชากรที่เป็นชนชั้นกลางในเวียดนามก็เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในเอเชีย – แปซิฟิก โดยประชากรเวียดนามร้อยละ 50 กำลังอยู่ในวัยทำงาน ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด ดังนั้น การขายปลีกจึงเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่น่าสนใจและเป็นโอกาสสำหรับสถานประกอบการสตาร์ทอัพต่างๆ

ความปรารถนาที่จะช่วยให้การขายปลีกในเวียดนามง่ายขึ้นคือเป้าหมายของบริษัท SAPO นาย จิ่งเตี๊ยนบิ่งห์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสาขากรุงฮานอยของบริษัทSAPO เผยว่า

“ในเวลาที่จะถึง เราจะเน้นพัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชั่นที่ใช้ระบบ Microservie ฐานข้อมูลของผู้ใช้และลูกค้าของบริษัทฯ สองคือ SAPO จะขยายตัวแทนจำหน่ายและพัฒนาแหล่งบุคลากรต่อไป โดยจะเปิดตัวแอปฯใหม่ๆ ที่ต่อยอดจากแอปฯที่มีอยู่แล้วเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นและขยายการประกอบธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ด้วยวิสัยทัศน์ในการที่จะพัฒนาเป็นระบบนิเวศแห่งนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจขายปลีกมีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ในการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ทางบริษัทฯ จึงกำหนดพันธกิจว่า ต้องมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในกระบวนการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลในเวียดนาม.

คำติชม