นาย Arnaud Ginolin จากเครือบริษัท BCG (doanhnghieptiepthi.vn) |
AI ได้ถูกระบุอย่างชัดเจนให้เป็นหนึ่งในเสาหลักเชิงยุทธศาสตร์แห่งชาติของเวียดนาม เป็นพลังขับเคลื่อนต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ในพิธีประกาศรายงานของระบบเศรษฐกิจ AI เวียดนามเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นาย Arnaud Ginolin ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและหุ้นส่วน หัวหน้าแผนกดูแลธุรกิจกับภาครัฐของเครือบริษัทให้คำปรึกษา Boston Consulting Group หรือ BCG ย้ำว่า
“ที่ประเทศเวียดนาม ปัญญาประดิษฐ์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา แต่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้รับการคาดหวังว่า จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในเวียดนาม อัตราการขยายตัวนี้อาจสูงถึง 1 แสน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2045 คิดเป็นประมาณร้อยละ 25 ของ GDP ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้เวียดนามใช้ศักยภาพของ AI ได้อย่างเต็มที่และยืนยันสถานะของประเทศในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก”
เวียดนามได้ประกาศนโยบายต่างๆ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจ AI โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ต่อการพัฒนาแหล่งบุคลากร โดยแผนการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถทั้งภายในและต่างประเทศ 100 คนในด้าน AI ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเวียดนามถือเป็นก้าวเดินเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะความสามารถในด้าน AI เท่านั้น แต่ยังเป็นการกำหนดแนวทางระยะยาวในการสร้างสรรค์ระบบนิเวศ AI ที่ครบวงจรและมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองของเวียดนามอีกด้วย พร้อมทั้งได้รับการสร้างสรรค์ด้วยหน้าที่ที่เป็นรูปธรรมและรอบด้าน ทั้งในการวางผังนโยบาย การวิจัย มาตรฐานด้านเทคนิค การฝึกอบรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะตั้งเป้าหมายสร้างสรรค์รูปแบบที่ใช้ภาษาเวียดนามมีพารามิเตอร์อย่างน้อย 100 พันล้านตัวที่เข้าใจเนื้อหาเชิงลึกในหลากหลายสาขา เช่น กฎหมาย การเงิน - บัญชี ภาษี เกษตรกรรม วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ เป็นต้น ตลอดจนกำหนดหน้าที่เชิงยุทธศาสตร์ต่างๆ เช่น จัดตั้งฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญด้าน AI แห่งชาติ จัดทำมาตรฐาน ข้อกำหนดและกรอบนิตินัยด้านทคนิคเกี่ยวกับ AI เพื่อค้ำประกันการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีการกำหนดแนวทางการพัฒนาอย่างชัดเจน วิจัยและพัฒนารูปแบบ AI "Make in Vietnam" ในหลากหลายสาขา เช่น ภาษา ภาพ เสียง และข้อมูล เป็นต้น หรือการมอบหมายหน้าที่เพื่อค้ำประกันการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและสถานประกอบการกับสถาบันและมหาวิทยาลัยต่างๆ ในระบบนิเวศนวัตกรรม โดยนโยบายที่ชัดเจนและเปิดกว้างได้ดึงดูดความสนใจของหุ้นส่วนระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก นาย Sarim Aziz ผู้อำนวยการที่ดูแลนโยบายภาครัฐของเครือบริษัท Meta ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติโครงการ ViGen- ฐานข้อมูลที่ใช้ภาษาเวียดนามแบบโอเพ่นซอร์สคุณภาพสูงยืนยันว่า
“แผนการดังกล่าวก็เพื่อเพิ่มผลผลิตและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในเวียดนาม โดยเราค้ำประกันสิทธิการเข้าถึงฐานข้อมูลได้ฟรีและสะดวกให้แก่นักวิจัยเวียดนาม ผู้วางแผนพัฒนา บริษัทสตาร์ท สถานประกอบการและหุ้นส่วนในทั่วโลกที่ร่วมมือกับเวียดนาม ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ฐานข้อมูลนี้จะไม่เพียงแต่ส่งเสริมการวิจัยภายในเวียดนามเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมนวัตกรรมในภาคเอกชนอีกด้วย นำเวียดนามเข้าสู่ยุคใหม่แห่งนวัตกรรม”
นิทรรศการเกี่ยวกับ AI ณ กรุงฮานอย (doanhnghieptiepthi.vn) |
ในขณะเดียวกัน นาย Anthony Annunziata ผู้อำนวยการนวัตกรรมของ IBM ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการเป็นฝ่ายรุกและความตั้งใจของเวียดนามในการพัฒนาระบบนิเวศ AI ว่า
“ผมคิดว่า เวียดนามมีบทบาทเป็นผู้แนะแนวชั้นนำในด้านโอเพ่นซอร์ส AI ปัจจัยขั้นพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานจะเอื้อให้เวียดนามพัฒนาด้านนี้จนประสบความสำเร็จ”
แผนการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถทั้งภายในและต่างประเทศ 100 คนในด้าน AI นี้ถือเป็นการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ช่วยให้ AI กลายเป็นเสาหลักเทคโนโลยีของเวียดนามในทศวรรษต่อไป ซึ่งเป็นก้าวเดินเพื่อยกระดับทักษะความสามารถ ผลักดันการเป็นเจ้าของด้านเทคโนโลยีและค่อยๆ ยืนยันสถานะของเวียดนามในฐานะเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัย พัฒนาและประยุกต์ใช้ AI ที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคและโลก.