( VOVworld )-ช่วงฤดูหนาวปลายเดือนธันวาคม ๑๙๗๒ ด้วยจิตใจแห่งการต่อสู้เพื่อมุ่งทำลายยุทธนาการโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินบี ๕๒ ที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นของกองทัพสหรัฐอเมริกา ทหารและประชาชนฮานอยสามารถยิงเครื่องบินบี ๕๒ ตกหลายลำ อันเป็นการสร้างชัยชนะกลางเวหาอย่างก้องกังวาฬไปทั่วโลก ๔๐ ปีได้ผ่านพ้นไปแต่เหตุการณ์แห่งประวัติศาสตร์ใน ๑๒ วันคืนนั้นยังคงตราตรึงในหัวใจของคนเวียดนามทุกคน
|
จรวดแซมยิงเครื่องบินบี ๕๒ ตกลงในกรุงฮานอย |
ก่อนหน้านี้ ๔๐ ปี สหรัฐอเมริกาได้ปฏิบัติยุทธนาการทางทหารไลเนอร์บาคเกอร์ ๒ ที่มีลักษณะทำลายล้างและดุเดือดที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์สงครามเวียดนาม โดยส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์บี ๕๒ ซึ่งเป็นอาวุธที่ทันสมัยประเภทหนึ่งของสหรัฐมาทิ้งระเบิดปูพรมและโจมตีอย่างหนักใส่กรุงฮานอยซึ่งเป็นหัวใจของประเทศด้วยทุกมาตรการเพื่อทำลายจิตใจแห่งความมุ่งมั่นของทหารและประชาชนเวียดนามเพื่อหวังบังคับให้เวียดนามต้องยอมแพ้และยอมรับทุกเงื่อนไขของสหรัฐในการเจรจา ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส สำหรับชาวเวียดนามทุกคน นี่เป็นการสู้รบเพื่อกอบกู้เอกราชของชาติและเกียรติภูมิของประเทศ โดยกรุงฮานอยเป็นตัวแทนทั้งประเทศยอมรับการเผชิญหน้าครั้งประวัติศาสตร์นี้ นายโด่เหี่ยน ชาวฮานอย หวนรำลึกถึงช่วงเวลาน่าจดจำของชาวฮานอยว่า “ นี่เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและรุนแรงระหว่างทหารป้องกันภัยทางอากาศของเวียดนามกับเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา ผมได้ประจักษ์ด้วยตาตนเองถึงการต่อสู้อย่างวีระอาจหาญของเหล่าทหารต่อสู้อากาศยาน ช่วงนั้นเครื่องบินของสหรัฐทำการโจมตีทั้งวันคืน โดยเราได้ทำการต่อสู้อย่างชอบธรรมด้วยการยิงปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานและจรวดป้องกันอากาศตอบโต้อย่างดุเดือดด้วยทุกมาตรการ”
๑๒ วันคืนปลายเดือนธันวาคม ๑๙๗๒ ฮานอยไม่หลับ ท้องฟ้าเปรียบเสมือนกระทะเพลิงท่ามกลางเสียงของเครื่องบินบี ๕๒ เสียงระเบิด เสียงยิงปืนป้องกันทางอากาศ ปืนต่อสู้อากาศยานและจรวดยิงตอบโต้การโจมตีทางอากาศของเครื่องบินสหรัฐ ฝูงบินบี ๕๒ และเครื่องบินลำอื่นๆมุ่งหน้าไปยังฮานอยแล้วทิ้งระเบิดมหาศาลลงในเขตชุมชนและเขตปริมณฑล ซึ่งได้ทำลายถนนเคิมเทียน โรงพยาบาลแบกมาย สถานีรถไฟห่างก๋อ อำเภอดงแอง ตื่อเลียมและแทงจี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง นายโด่หยวานด่าย อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลแบกมายเล่าว่า “ การทิ้งระเบิดครั้งรุนแรงก่อนหน้านี้ ๔๐ปี ที่ยังคงสถิตอยู่ในหัวใจของพวกเรา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่อาจอภัยได้ โดย วันที่ ๒๒ เดือนธันวาคม เครื่องบินของสหรัฐได้ทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลทำลายตึก อาคารและต้นไม้ภายในโรงพยาบาลอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหด อย่างไม่เคยมีมาก่อน พวกเราทำหน้าที่พยาบาลและรักษาโรคให้แก่ประชาชน ซึ่งเป็นกิจกรรมมนุษยธรรมแต่ถูกทิ้งระเบิดใส่”
สำหรับกองกำลังป้องกันทางอากาศฮานอย ตลอด ๑๒ วันคืนนั้นได้ตอบโต้การโจมตีทางอากาศของทหารสหรัฐอย่างเป็นฝ่ายรุก พันเอก เหงวียนกวางหุ่ง อดีตเสนาธิการเหล่าทัพป้องกันทางอากาศกองทัพอากาศเวียดนามเผยว่า “ เหล่าทหารจรวดของเวียดนามสามารถใช้ศักยภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ในการต่อสู้ ตั้งแต่ปี ๑๙๖๗ พวกเราได้ศึกษาคิดค้นวิธีการโจมตีเป้าหมายเมื่อถูกเครื่องบินส่งสัญญาณรบกวน ดังนั้น ในปี ๑๙๗๒ สามารถยิงเครื่องบินบี ๕๒ ตกได้ เราได้นำประสบการณ์จากการสู้รบที่สมรภูมิกว่างจี่มาประยุกต์ใช้และสามารถชนะศตรูได้ ”
|
อนุสาวรีย์รำลึกผุ้เสียชีวิต ณ โรงพยาบาลแบกมาย |
ตลอด ๑๒ วันคืน กองกำลังป้องกันอากาศของเวียดนามได้สร้างชัยชนะอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยยิงเครื่องบินของสหรัฐตกรวมทั้งหมด ๘๑ ลำ รวมทั้งเครื่องบินบี ๕๒ จำนวน ๓๔ ลำ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นป้อมปราการบินได้ ท่ามกลางห่าระเบิดและหมอกควันของระเบิดและกระสุน ทหารและชาวฮานอยยังไม่ย่อท้อ พวกเขาเข้าร่วมการสู้รบด้วยจิตใจแห่งความกล้าหาญ รู้จักใช้อาวุธจรวดจนสามารถยิงเครื่องบินรามสูรและเครื่องบินบี ๕๒ ตกได้หลายลำ อันเป็นการสร้างชนะครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งได้รับการยกย่องจากชาวโลกว่า เป็นชัยชนะเดียนเบียนฟูกลางเวหา
|
ซากเครื่องบินบี ๕๒ |
๔๐ ปีได้ล่วงเลยไปแล้ว แต่ร่องรอยของช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยไฟและหมอกควันบนท้องฟ้าฮานอยนั้นยังคงได้รับการเก็บรักษาไว้ในพิพิทธภัณฑ์ชัยชนะบี ๕๒ และพิพิทธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางทหารเวียดนามหรือที่อนุสาวรีย์ ณ ถนนเคิมเทียน โรงพยาบาลแบกมายตลอดจนยังคงสถิตอยู่ในความทรงจำของชาวเวียดนามผู้สูงอายุหลายล้านคน ซึ่งซากเครื่องบินบี ๕๒ ที่ยังจัดแสดงในบริเวณติดกับหอธงชาติ ณ พิพิทธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางทหารเวียดนามเป็นคำเตือนชนรุ่นใหม่ให้คำนึงถึงช่วงระยะเวลาหนึ่งที่คจรุ่นพ่อและพี่ๆของพวกเขาได้ยอมเสียสละทุกอย่างแม้กระทั่งเลือดเนื้อด้วยการต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องนครหลวงที่เป็นหัวใจของประเทศและสามารถสร้างชัยชนะอย่างมหัศจรรย์./.