การเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนได้แสดงให้เห็นถึงนโยบายการเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสภูมิภาคและโลกของเวียดนาม ซึ่งเปิดยุคใหม่ในการผสมผสานเข้ากับกระแสภูมิภาคอย่างกว้างลึกของเวียดนามทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคงและเศรษฐกิจ
การตัดสินใจที่ถูกต้องและมีความหมายทางประวัติศาสตร์
นับตั้งแต่ที่อาเซียนได้รับการจัดตั้งเมื่อ๔๘ปีก่อน บรรดาประเทศผู้ก่อตั้งได้มุ่งสู่เป้าหมายเชื่อมโยงประเทศต่างๆในภูมิภาคเพื่อคงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีเสถียรภาพ มีการพัฒนาและเจริญรุ่งเรือง นาย เหงวียนแหมงเกิ่ม อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เผยว่า “ในการประกาศจัดตั้งอาเซียนได้ชี้ชัดว่า ในอนาคต ทั้ง๑๐ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียน อาจกล่าวได้ว่า ในขณะที่ประเทศต่างๆยังมีความแตกต่างกัน การหยิบยกปัญหาความร่วมมือและการพัฒนาขึ้นมาเจรจากันนั้นถือได้ว่า เป็นความคิดริเริ่มที่กล้าหาญแต่สอดคล้องกับแนวโน้มของยุคสมัย ซึ่งเป็นแนวโน้มแห่งสันติภาพและความร่วมมือเพื่อการพัฒนา"
โดยตระหนักถึงบทบาท ผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียนต่อการผสมผสานและการพัฒนาของประเทศ เวียดนามได้พยายามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน โดยได้ปฏิบัตินโยบายการเปลี่ยนแปลงใหม่ในทุกด้าน สร้างก้าวพัฒนาใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆในภูมิภาคและโลก นาย เลหว่ายจุง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เผยว่า “การตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนปี๑๙๙๕นั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ซึ่งมีความผูกพันกับความต้องการของเวียดนามในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม การผสมผสานและการขยายความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ควบคู่กันนั้น การเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนได้ช่วยให้เวียดนามสถาปนาความสัมพันธ์กับอียู ปรับความสัมพันธ์กับสหรัฐและจีนให้เป็นปกติ ในกระบวนการเป็นสมาชิกอาเซียน เวียดนามได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน สร้างความประทับใจและเอื้อประโยชน์ให้แก่การปฏิบัตินโยบายการผสมผสานของเวียดนาม”
การที่เวียดนาม กัมพูชา ลาวและพม่าเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนได้เสร็จสิ้นความคิดริเริ่มเกี่ยวกับอาเซียน รวม๑๐ประเทศในภูมิภาค การจัดตั้งอาเซียนได้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ความสัมพันธ์แบบใหม่ระหว่างประเทศสมาชิกตามแนวทางมิตรภาพ เสถียรภาพ ยาวนานและความร่วมมือในทุกด้านอย่างใกล้ชิด อำนวยความสะดวกให้แก่การผลักดันความเชื่อมโยงในภูมิภาคเพื่อมุ่งสู่การจัดตั้งประชาคมอาเซียน
นาย เลกงฝุ่ง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตประธานสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-อาเซียน
|
การเป็นฝ่ายรุก การเข้าร่วมอย่างแข็งขันและมีความรับผิดชอบในอาเซียน
การเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนได้มีขึ้นในขณะที่อาเซียนกำลังกำหนดแนวทางการสร้างสรรค์ประชาคม เวียดนามได้ค้ำประกันการปฏิบัติความรับผิดชอบของประเทศสมาชิกต่อเป้าหมายที่อาเซียนวางไว้อย่างสมบูรณ์ เวียดนามได้เข้าร่วมกระบวนการจัดตั้งสถาบันระดับภูมิภาคต่างๆ
เวียดนามเล็งเห็นอยู่เสมอว่า การที่อาเซียนมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด สามัคคีและเป็นเอกภาพ มีบทบาทและสถานะที่สำคัญในโลกสอดคล้องกับผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานและยาวนานของเวียดนาม ดังนั้น ในตลอด๒๐ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆฟันฝ่าความแตกต่างกันที่ยังคั่งค้างอยู่เนื่องจากปัญหาทางประวัติศาสตร์เพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกด้านบนเจตนารมณ์แห่งสันติภาพและความสามัคคี
ในการเปลี่ยนจากกลไกภูมิภาคเป็นประชาคม เวียดนามมีแนวทางร่วมมือกับอาเซียนบนเจตนารมณ์แห่งการเป็นฝ่ายรุกและมีความรับผิดชอบ เวียดนามเป็นหนึ่งในสองประเทศสมาชิกเดินหน้าที่ปฏิบัติคำมั่นในกระบวนการจัดตั้งประชาคมอาเซียน ร่วมกับอาเซียนในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนและความท้าทายต่างๆเพื่อยืนหยัดบทบาทของอาเซียนในยุคใหม่ นาย เลกงฝุ่ง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตประธานสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-อาเซียนได้เผยว่า “ปัจุบัน เวียดนามได้เตรียมความพร้อมให้แก่การสร้างกลไกที่เหมาะสมกับบทบาทการเป็นสมาชิกของประชาคม โดยไม่ใช่เป็นสมาชิกของสมาคมเหมือนเมื่อก่อนนี้ ต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่างให้ดีและทุกประเทศสมาชิกต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ซึ่งสิ่งนี้จะชี้ขาดว่า การจัดตั้งประชาคมจะประสบความสำเร็จหรือไม่”
๒๐ปีแห่งการผสมผสานเข้ากับกระแสภูมิภาค เวียดนามได้มีส่วนร่วมที่เป็นรูปธรรมให้แก่การพัฒนาและการคงอยู่ของอาเซียนและได้บรรลุผลงานเบื้องต้น ถึงแม้จะมีโอกาสมากมายเพื่อการพัฒนาแต่อาเซียนก็ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ซึ่งเรียดร้องให้เวียดนามและประเทศสมาชิกอื่นๆในภูมิภาคต้องผลักดันความร่วมมือและความเชื่อมโยงที่ใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อมีความคิดริเริ่มใหม่ๆและมาตรการปฏิบัติความคิดริเริ่มนั้นเพื่อแปรความคิดริเริ่มเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ปี๒๐๒๐ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและทำให้การจัดตั้งประชาคมอาเซียนประสบผลสำเร็จและกลายเป็นปัจจัยสำคัญของประชาคมเอเชีย.