เมื่อมองย้อนกลับไปในระยะเวลา 30 ปีของการเข้าร่วมอาเซียน จากนโยบายต่างประเทศที่ถืออาเซียนเป็นปัจจัยพื้นฐาน พร้อมผลประโยชน์ที่เวียดนามได้รับจากกระบวนการผสมผสานนี้ ตลอดจนส่วนร่วมของเวียดนามในอาเซียน ก็สามารถยืนยันได้ว่านี่เป็นเส้นทางที่น่าภาคภูมิใจ เพื่อให้มีภาพรวมเกี่ยวกับนิมิตหมายที่โดดเด่นของเวียดนาม ขอเชิญท่านฟังบทความที่พาดหัวว่า "เวียดนาม-30 ปีเข้าร่วมอาเซียน: ยืนยันบทบาท ยกระดับสถานะ"
นายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้งเสนอ3ประเด็นเชิงยุทธศาสตร์และ3ก้าวกระโดดในฟอรั่มอนาคตอาเซียนปี 2025 |
บ่ายวันที่ 28 กรกฎาคม ปี 1995 ธงชาติเวียดนามได้ถูกชักขึ้นสู่ยอดเสา ณ จัตุรัสของศูนย์การประชุมแห่งชาติบรูไน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของเวียดนาม และเป็นหนึ่งในก้าวแรกของการเปิดประเทศเพื่อผสมผสานอย่างกว้างลึกยิ่งขึ้นกับประชาคมโลก
นิมิตหมายและผลสำเร็จที่โดดเด่น
หลังจากเข้าร่วมอาเซียน เวียดนามก็มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเร่งบรรลุเป้าหมายของอาเซียนคือรวมเป็นประชาคมที่มี 10 ประเทศ ที่สามัคคี ร่วมมือกัน ขยายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการพหุภาคีของภูมิภาค รวมทั้งการส่งเสริมกระบวนการรับกัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนในเวลาต่อมา ซึ่งส่วนร่วมที่โดดเด่นที่ต้องย้ำถึงคือการที่เวียดนามได้ดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของอาเซียนถึงสามครั้งในปี 1998 ปี 2010 และ 2020 เอกอัครราชทูต ตน ถิ หงอก เฮือง หัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามประจำอาเซียน กล่าวว่า
“ในวาระดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของเวียดนาม ล้วนสร้างนิมิตหมายสำคัญและสะท้อนบทบาทของเวียดนามอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะเมื่อปี 2020 ทั้งเวียดนามและอาเซียนต้องร่วมฝ่าฟันวิกฤตและความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยประสบคือการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งส่งผลที่ร้ายแรงต่อทั้งภูมิภาคและโลก นอกจากนั้นเวียดนามยังมีส่วนร่วมกำหนดแนวทางการพัฒนาที่สำคัญของอาเซียน เช่น การร่างและอนุมัติแผนปฏิบัติการฮานอยปี 1998 ร่วมกับอาเซียนรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี 1997-1998 มีส่วนร่วมสำคัญต่อการจัดทำและปฏิบัติวิสัยทัศน์ 2020 ของอาเซียน วิสัยทัศน์อาเซียนปี 2025 กฎบัตรอาเซียน ตลอดจนสามารถปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานระหว่างอาเซียนกับหุ้นส่วนสำคัญนอกกลุ่มเช่น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ รัสเซีย เป็นต้น อย่างสำเร็จ"
ผลงานและส่วนร่วมอันโดดเด่นของเวียดนามในอาเซียนยังสะท้อนจากการเสนอแนวคิดและความคิดริเริ่มมากมายที่เอื้อต่อการพัฒนาของอาเซียน เช่น การเสนอและเป็นเจ้าภาพจัดฟอรั่มอนาคตอาเซียน (AFF) และ ปี 2025 จัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เอกอัครราชทูต ฝามกวางวิงห์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตหัวหน้าคณะผู้แทนระดับสูงเวียดนามประจำอาเซียนกล่าวว่า
“ก่อนอื่นต้องยืนยันว่านี่เป็นความคิดริเริ่มในเชิงรุกของเวียดนาม โดยเราต้องแบ่งปันแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของเราเพื่อให้ภูมิภาคเข้าใจตอบสนอง การจัดฟอรั่มครั้งแรกก็เพื่อบรรลุความเห็นพ้องให้ประเทศต่างๆ เข้าร่วม และถึงการประชุมครั้งที่สองก็ได้รับการตอบรับมากขึ้นและมีประสิทธิผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น อันเป็นการสะท้อนให้เห็นสถานะของเวียดนามในอาเซียน จากกระบวนการในตลอด 30 ปีที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดว่าการดำเนินนโยบายต่างประเทศแห่งชาติของเวียดนามก็สอดคล้องกับแนวทางของภูมิภาคและการผสมผสานทางเศรษฐกิจของเวียดนามก็ได้มีส่วนสนับสนุนสร้างพลังขับเคลื่อนในระดับหนึ่งต่อภูมิภาคและโลก ”.
แม้ว่าระยะเวลาที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนได้เพียงกว่าครึ่งเส้นทางในการพัฒนาของอาเซียนแต่ด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เชิงยุทธศาสตร์ เวียดนามได้มีความคิดริเริ่มที่ก้าวไกล มีความพร้อมในเชิงรุกและมีส่วนร่วมด้วยความรับผิดชอบสูงต่อภารกิจร่วมต่างๆ เช่น การตัดสินใจขยายขอบเขตการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) เพื่อให้สหรัฐและรัสเซียเข้าร่วม การจัดประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ADMM+) ครั้งแรก การรณรงค์เพื่อให้อาเซียนมีตัวเเทนเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ที่สาธารณรัฐเกาหลีและแคนาดา รวมถึงการมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างหลักการและการกำหนด "กฎกติกา" ของภูมิภาค
ปัจจุบัน เวียดนามได้กลายเป็นสะพานเชื่อมเพื่อร่วมส่งเสริมให้อาเซียนมีเสียงพูดในเวทีระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้นและเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นหนึ่งในประชาคมระดับภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เป็นองค์กรที่มีบทบาทและสถานะที่เพิ่มสูงขึ้น มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เปิดกว้าง มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค โดยหลายประเทศหุ้นส่วนให้ความสำคัญและมีความประสงค์ขยายความร่วมมือ
เวียดนามให้คำมั่นที่จะเดินพร้อมกับอาเซียนในการสร้างอนาคต
เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การทูตและการผสมผสานทางเศรษฐกิจของเวียดนามได้มีการขยายกว้างกว่าขอบเขตของอาเซียน ด้วยการสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม 13 ฉบับ เป็นภาคีในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) 17 ฉบับ ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐและจีนในอาเซียน การเป็นสมาชิกอาเซียนได้สร้างเงื่อนไขให้เวียดนามมีส่วนร่วมในกระบวนการผสมผสานอย่างกว้างลึกมากขึ้นในระดับภูมิภาคและโลก ช่วยยืนยันสถานะการเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน เป็นสะพานเชื่อมระหว่างอาเซียนกับหุ้นส่วนสำคัญของโลก ในปีแรกของการเข้าร่วมองค์การอาเซียน มูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับอาเซียนอยู่ที่เพียง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ใน 26 ปีต่อมา คือในปี 2021 ตัวเลขดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 13.8 ต่อปี
เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โตเลิมกล่าวปราศรัยในพิธีรำลึกครบรอบ 30 ปีเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 10 มีนาคม ปี 2025 ณ สำนักงานใหญ่คณะเลขาธิการอาเซียน ในกรุงจาการ์ตา |
ในพิธีรำลึกครบรอบ 30 ปีเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 10 มีนาคม ปี 2025 ณ สำนักงานใหญ่คณะเลขาธิการอาเซียน ในกรุงจาการ์ตา เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โตเลิม ได้กล่าวว่า เวียดนามจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพและแก้ไขปัญหาความท้าทายต่างๆ รวมถึงความพยายามในการสร้างโครงสร้างภูมิภาคที่ครอบคลุม ยั่งยืน และเชื่อมโยงกันทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม สังคม และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ตลอดจนการยึดหลักปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อค้ำประกันสันติภาพและเสถียรภาพ
“เวียดนามเน้นความสำคัญด้านนโยบายต่างประเทศในอนาคตเพื่อสร้างประชาคมที่เข้มแข็ง เป็นหนึ่งเดียว มีส่วนร่วมสร้างบรรยากาศที่สันติภาพ เสถียรภาพและเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค เวียดนามและอาเซียนกำลังยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ใหม่ ร่วมมุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับความคาดหวังใหม่สำหรับอาเซียน ดังนั้น เวียดนามตระหนักถึงความรับผิดชอบในการมีส่วนร่วมในเชิงรุกและหลากหลายในการทำงานร่วมกันมากขึ้นตามแนวทางสร้างสรรค์แนวคิด เปลี่ยนแปลงวิธีเข้าถึง มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติ สร้างประสิทธิภาพในวิธีการและความมุ่งมั่นในการปฏิบัติ ”
ในการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 เวียดนามจะยังคงมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน ดำเนินการในเชิงรุก และมีความรับผิดชอบในการเสริมสร้างชื่อเสียงสถานะ รักษาความสามัคคีและการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนต่อไป ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการพึ่งตนเอง เพื่อให้อาเซียนสามารถปรับตัวเข้ากับความท้าทายในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่กำลังมีซับซ้อนและไม่สามารถคาดเดาได้ในปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพ./.