 ประชาชนจังหวัดหวิงลองใช้บริการสาธารณะผ่านทางออนไลน์ (baovinhlong.com.vn) |
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมปี 2024 ได้มีการประกาศมติที่ 57 ของกรมการเมืองพรรคเกี่ยวกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในขณะที่เวียดนามต้องมีก้าวกระโดดเกี่ยวกับรูปแบบการขยายตัวเพื่อเพิ่มผลผลิตและขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ โดยมติที่ 57 มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังภายในประเทศอย่างเต็มที่ เรียนรู้และประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี แปรความท้าทายของการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัวให้เป็นโอกาสพัฒนาแบบก้าวกระโดด
จากนโยบายเชิงยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ
ตามรายงานของคณะกรรมการชี้นำส่วนกลางเกี่ยวกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ภายหลังปฏิบัติมาเป็นเวลา 1 ปี มติที่ 57 ได้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม โดยสะท้อนให้เห็นจากการปฏิบัติหน้าที่ด้านกลไก กฎหมายและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นอยู่ในระดับสูง ท้องถิ่นหลายแห่งเดินหน้าส่งเสริมความสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพ มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ความคิดในการบริหารและการชี้นำปฏิบัติในหน่วยงานทุกระดับ นาย เหงวียนหวิ่งเถี่ยน รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดหวิงลองได้เผยว่า
“จนถึงปัจจุบัน ตำบลและแขวงทุกแห่งมีโครงสร้างพื้นฐานและสายบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตที่ครอบคลุม หมู่บ้านและเขตชุมชนทุกแห่งมีระบบ 3G, 4G และสถานีฐาน 5G รวม 366 สถานี ส่วนสำนักงานบริหารราชการตั้งแต่ระดับจังหวัดจนถึงระดับตำบลใช้งานระบบ LAN ไฟร์วอลล์ การประชุมผ่านรูปแบบออนไลน์และมีการสร้างสรรค์ฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์ทางการท้องถิ่นอิเล็กทรอนิกส์”
 การเปิดโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในจังหวัดดั๊กลั๊กระยะปี 2021-2025 วิสัยทัศน์จนถึงปี 2030 |
ทั้งนี้ มติที่ 57 ได้รับการปฏิบัติอย่างคล่องตัว สร้างสรรค์และสอดคล้องกับสถานการณ์ของหน่วยงานและท้องถิ่น เช่น ที่จังหวัดดั๊กลั๊ก การเชื่อมโยงระหว่างสถาบัน โรงเรียนและสถานประกอบการได้ช่วยผลักดันการแปรผลงานวิจัยให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นรูปธรรม มีการประยุกต์ใช้ผลงานวิจัยร้อยละ 80 ที่เน้นในด้านการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เทคโนโลยีชีวภาพ การเก็บรักษาและแปรรูปสินค้าเกษตร การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในการบริหารภาครัฐ นาย ฝ่ามยาเหวียด รองผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจังหวัดดั๊กลั๊กได้ย้ำว่า
“เรากำลังส่งเสริมการปฏิบัติผลงานวิจัยของบรรดานักวิทยาศาสตร์เพื่อเสนอเนื้อหาและหน้าที่สำคัญให้คณะกรรมการประชาชนจังหวัดและบรรดานักวิชาการหารือ อีกทั้งนำเสนอประเด็นต่างๆตามข้อเสนอของสำนักงานบริหารภาครัฐเพื่อให้บรรดานักวิทยาศาสตร์เสนอมาตรการแก้ไขและระดมแหล่งพลังเพื่อนำมติที่ 57 เข้าสู่ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ระดมทุกแหล่งพลังปฏิบัติมติที่ 57
ผลการปฏิบัติมติที่ 57 ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ได้ช่วยสร้างแรงจูงใจเกี่ยวกับนวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเข้มแข็ง แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ปัจจัยที่สำคัญเพื่อค้ำประกันความสำเร็จก็คือการยกระดับทักษะเพื่อตามทันการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องมีความคิดเชิงการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รองศ.ดร. ฝ่ามถิตวี๊ รองหัวหน้าสถาบันเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ได้ให้ข้อสังเกตว่า
“มติที่ 57 ถือเป็นปฏิญญาที่ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศเวียดนามในยุค 4.0 โดยต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อ 3 ก้าวกระโดดคือสร้างสรรค์ระบบนิเวศนวัตกรรมแห่งชาติ ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล การปรับเปลี่ยนสีเขียวและพัฒนาแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง”
 นาย เหงวียนฮวีหยุง สมาชิกคณะกรรมการและหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติมติที่ 57 (VGP) |
มีอีกประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งคือบุคลากร โดยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลจะเกิดประสิทธิผลอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อมีกรอบกลไกที่โปร่งใส เปิดเผยและมีแถวขบวนเจ้าหน้าที่บริหารที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อม ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการชี้นำส่วนกลางเกี่ยวกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเมื่อเร็วๆนี้ นาย เหงวียนฮวีหยุง สมาชิกคณะกรรมการและหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติมติที่ 57 ได้ย้ำว่า
“เลขาธิการพรรคสาขาและประธานคณะกรรมการจังหวัดและนครต้องชี้นำการใช้งานเว็บไซต์ nq57.vn เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างทันการณ์ ส่งเสริมการบริการสาธารณะออนไลน์เพื่อรับใช้ประชาชนและสถานประกอบการ เน้นการเชื่อมโยงระหว่างเขต เปลี่ยนแปลงใหม่ความคิดเกี่ยวกับการลงทุน จัดสรรแหล่งพลังให้แก่โครงการและกิจการที่สำคัญ”
ทั้งนี้ มติที่ 57 ได้เปิดแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องและสอดคล้องกับความต้องการพัฒนาประเทศในระยะใหม่ ซึ่งการปฏิบัติในเวลาข้างหน้าต้องมีความเคร่งครัดและจริงจังมากขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของมติที่ 57 และนำเวียดนามตามทัน พัฒนารุดหน้าและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น.