(VOVworld)-กรณีเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบินเอ็มเอช๑๗ถูกยิงตกในดินแดนยูเครนได้ทำให้วิกฤตในประเทศนี้ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเพราะก่อนเกิดเหตุปัญหาในยูเครนเกี่ยวข้องกับกลุ่มประเทศมหาอำนาจเท่านั้นแต่การที่เครื่องบินพาณิชย์พร้อมผู้โดยสารหลายร้อยคนที่เป็นพลเมืองของหลายชาติได้ถูกยิงตกนั้นได้ทำให้วิกฤตนี้บานปลายเป็นวิกฤตระดับโลกและโศกนาฏกรรมนี้กำลังพลิกผันสถานการณ์ในยูเครน
ศพเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเที่ยวบินเอ็มเอช๑๗(AP)
|
โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินเอ็มเอช๑๗ของสายการบินมาเลเซียที่ถูกยิงตกในน่านฟ้าของยูเครนเมื่อวันที่๑๗กรกฎาคมซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ๓๐๐คนได้ทำให้ชาวโลกทั้งตกตะลึก และโกรธแค้น แม้จะผ่านไปแล้ว๕วันได้ผ่านไปแต่กระบวนการสอบสวนเพื่อหาความจริงของสาเหตุกำลังดำเนินไปอย่างล่าช้าและประสบอุปสรรค์มากมาย เพราะแทนที่ฝ่ายต่างๆจะร่วมมือกันทำงานแต่กลับโต้เถียงกันอย่างแรง
การโต้เเย้งด้านข้อมูลข่าวสารที่ยังไม่มีคำตอบ
ในขณะที่กองกำลังแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกยูเครนประกาศว่ารัฐบาลยูเครนได้วางแผนทำการโจมตีดังกล่าว ทางการเคียฟกลับกล่าวหาว่ากองกำลังแบ่งแยกดินแดนต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ส่วนสหรัฐและประเทศตะวันตกได้กล่าวหารัสเซียว่าสามารถควบคุมการปะทะในยูเครนได้แต่มอสโคว์ไม่ยอมปฏิบัติ แต่ทางนายปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ตอบโต้ด้วยการยืนยันว่าสหรัฐเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบเพราะได้เปิดไฟเขียวให้ทางการเคียฟเปิดยุทธนาการปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออก ซึ่งนอกจากการกล่าวหากันไปมาแล้วฝ่ายต่างๆยังพยายามเสนอหลักฐานเพื่อโยนความผิดใส่กันด้วย โดยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงของยูเครนได้ยืนยันว่า กองกำลังแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกได้รับจรวดบู๊ก (Buk)- แบบเอ็ม1 (M1) ซึ่งเป็นจรวดต่อสู้อากาศยานนำวิถีด้วยเรดาร์เอสเอ-๑๑จากรัสเซียและอาจจะยังมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมาช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ด้วย ซึ่งหน่วยข่าวกรองยูเครนยืนยันว่ามีเทปบันทึกเสียงการสนทนาระหว่างกองกำลังแบ่งแยกดินแดนกับเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซียพร้อมทั้งหลักฐานเกี่ยวกับระบบจรวดที่ผลิตโดยรัสเซียด้วย ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้กล่าวว่าข้อมูลของหน่วยงานการเดินอากาศรัสเซียปรากฎว่ามีเครื่องบินรบซู-๒๕ของยูเครนได้บินใกล้เครื่องบินโบอิ้ง๗๗๗ของมาเลเซียแอร์ไลน์ก่อนที่เที่ยวบินเอ็มเอช๑๗นี้ประสบอุบัติเหตุ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการพิสูจน์กันว่าหลักฐานทุกอย่างที่ถูกเปิดเผยนั้นมีความถูกต้องหรือไม่และประชามติกำลังรอคำตอบที่ชัดเจนจากคณะกรรมการสอบสวนระหว่างประเทศ
เป้าหมายทางการเมืองเบื้องหลังโศกนาฎกรรมเอ็มเอช๑๗
คำแถลงเมื่อวันที่๒๑เดือนนี้ของนายปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียที่ว่าไม่มีใครสามารถฉกฉวยเหตุการณ์นี้เพื่อเป้าหมายทางการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวได้ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสถานการณ์ทางการเมืองในยูเครนโดยข้อกล่าวแต่ละอย่างล้วนสะท้อนจุดยืนที่แข็งกร้าวของทุกฝ่าย
ปัจจุบันตามความเห็นของนักวิเคราะห์ วิกฤตในยูเครนจะพลิกไปทางไหนก็ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนเหตุการณ์นี้ และอาจจะมี๒กรณีที่เกิดขึ้น หนึ่งคือถ้ามีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าทางการยูเครนคือฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบ สหรัฐและตะวันตกจะต้องแสดงท่าทีตำหนิอย่างรุนแรงและอาจจะเสนอมาตรการคว่ำบาตรระดับสหประชาชาติต่อทางการเคียฟและถึงแม้จะยังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายผลักดันการเจรจาและรัสเซียไม่ควรแทรกแซงด้วยการสนับสนุนกองกำลังแบ่งแยกดินแดนแต่ท่าทีและรูปแบบการช่วยเหลือทางการเคียฟก็จะลดน้อยลง ส่วนในกรณีที่ผลการสอบสวนสรุปว่าเหตุยิงเครื่องบินมาเลเซียตกนี้เป็นความผิดของกองกำลังแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกยูเครนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย ทางการยูเครนจะขยายยุทธนาการณ์ปราบปรามในภาคตะวันออก แต่นี่ก็เป็นสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเขตนี้เพราะการปะทะระหว่างสองฝ่ายได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นถึงแม้นานาชาติต้องการรักษาสภาพของจุดเกิดเหตุเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การสอบสวนก็ตาม
การเมืองโลกหลังโศกนาฎกรรมเอ็มเอช๑๗
ถึงอย่างไรก็ดีแม้ผลที่ออกมาจะเป็นไปตามแนวทางใดก็ตามสถานการณ์การเมืองยูเครนก็จะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยวิกฤตของยูเครนที่เคยเป็นเดิมพันของรัสเซีย สหรัฐและชาติตะวันตก ปัจจุบันกลับกลายเป็นวิกฤตระดับนานาชาติเพราะเหยื่อ๒๙๘คนของโศกนาฎกรรมนี้มาจากหลายประเทศบวกกับความล่าช้าและความร่วมมือที่ขาดประสิทธิภาพในการสอบสวนหาสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะทำให้หลายประเทศตะวันตกที่มีพลเมืองเสียชีวิตครั้งนี้ไม่สามารถอดทนต่อไปและอาจจะมีการแทรกแซงและให้การสนับสนุนทางทหารแก่ทางการเคียฟ แต่ที่ถือว่าอันตรายกว่าคือ มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าประเทศตะวันตกใหญ่ๆกำลังสนับสนุนแนวทางของสหรัฐที่เชื่อว่ากองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่นิยมรัสเซียคือฝ่ายยิงเครื่องบินของมาเลเซียแอร์ไลน์และดูเหมือนว่าคำสั่งลงโทษและคว่ำบาตรทางการค้าต่อรัสเซียพร้อมที่จะถูกประกาศทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอหลักฐานยืนยันคนผิด แต่ทั้งนี้มาตรการเพิ่มการคว่ำบาตรนั้นจะทำให้รัสเซียเกรงกลัวหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องที่สามารถหาคำตอบได้ง่าย เมื่ออิทธิพลของรัสเซียในภาคตะวันออกยูเครนและการขัดขวางไม่ให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้คือผลประโยชน์ที่สำคัญของรัสเซียนั้น ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าการเมืองของยูเครนจะลดความร้อนแรงลงไปได้ ในขณะเดียวกันเมื่อจุดยืนของทุกฝ่ายยิ่งเเข็งกร้าวมากขึ้นก็จะทำให้วิกฤตของยูเครนถล้ำลึกมากขึ้น แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดที่ทั้งรัสเซียและฝ่ายตะวันออกไม่อาจคาดการณ์ได้คือขอบเขตการโจมตีของฝ่ายลุกขึ้นสู้ในยูเครนนั้นอาจจะขยายออกไปนอกประเทศได้ และการที่เป้าหมายพลเรือนต่างๆทั้งทางอากาศและทางบกถูกโจมตีจากกลุ่มหัวรุนแรงก็จะส่งผลเสียที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้./.