สถานการณ์ในภาคตะวันออกยูเครนยังคงตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพภายหลัง๒ปีการลงนามข้อตกลงมินสก์๒

Chia sẻ
(VOVWorld)-เมื่อวันที่๑๑กุมภาพันธ์ปี๒๐๑๕  ข้อตกลงหยุดยิงในภาคตะวันออกยูเครนฉบับที่๒หรือข้อตกลงมินสก์๒ได้รับการลงนาม ณ  กรุงมินสก์  ประเทศเบลารุสแต่จากสถานการณ์ที่เป็นจริงได้แสดงให้เห็นว่า  ข้อตกลงดังกล่าวไม่สามารถช่วยยุติการปะทะตามเป้าหมายที่ได้วางไว้  
(VOVWorld)-เมื่อวันที่๑๑กุมภาพันธ์ปี๒๐๑๕  ข้อตกลงหยุดยิงในภาคตะวันออกยูเครนฉบับที่๒หรือข้อตกลงมินสก์๒ได้รับการลงนาม ณ  กรุงมินสก์  ประเทศเบลารุสแต่จากสถานการณ์ที่เป็นจริงได้แสดงให้เห็นว่า  ข้อตกลงดังกล่าวไม่สามารถช่วยยุติการปะทะตามเป้าหมายที่ได้วางไว้  

สถานการณ์ในภาคตะวันออกยูเครนยังคงตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพภายหลัง๒ปีการลงนามข้อตกลงมินสก์๒  - ảnh 1
นาย เปโตร โปโรเชนโก ประธานิบดียูเครน (Photo: vietnamplus.vn)

ข้อตกลงมินสก์๒ได้รับการลงนามหลังจากที่ข้อตกลงฉบับแรกที่ได้รับการลงนามเมื่อเดือนกันยายนปี๒๐๑๔ได้ประสบความล้มเหลว  จนทำให้เกิดการปะทะที่นองเลือด   ซึ่งฝ่ายต่างๆได้เห็นพ้องที่จะปฏิบัติข้อตกลงดังกล่าวอย่างสมบูรณ์และวิธีการปฏิบัติ หลังการเจรจาดังกล่าว การประชุมระหว่างกลุ่มประสานงานสามฝ่ายที่ประกอบด้วย ยูเครน รัสเซียและองค์การความมั่นคงและความร่วมมือยุโรปหรือโอเอสซีอีกับผู้นำสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์และสาธารณรัฐประชาชนโดเนสต์ที่แต่งตั้งเองถูกจัดขึ้น๒ครั้งต่อเดือน ณ กรุงมินสก์

ไม่สามารถยุติการใช้ความรุนแรงได้
ข้อตกลงมินสก์๒ได้มีส่วนช่วยยุติการปะทะและกำหนดกระบวนการสันติภาพ  โดยข้อตกลงดังกล่าวเรียกร้องให้ปฏิบัติข้อตกลงหยุดยิงในทุกด้านทันทีและผลักดันการถอนอาวุธหนักออกจากเขตนี้  ซึ่งอนุญาตให้ยูเครนควบคุมเขตชายแดนที่ติดกับรัสเซีย โดยมีเงื่อนไขว่า ยูเครนต้องปรับปรุงนโยบายเพื่อมอบระเบียบการพิเศษให้แก่สองจังหวัดในภาคตะวันออกก่อนปลายปี๒๐๑๕  แต่สถานการณ์ที่เป็นจริงได้แสดงให้เห็นว่า เงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์  แม้ผ่านมาแล้ว๒ปีแต่การปะทะก็ยังคงเกิดขึ้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ช่วยยุติการใช้ความรุนแรงและลดความวิตกกังวลที่ขัดขวางกระบวนการแก้ปัญหาผ่านมาตรการทางการเมือง จนถึงขณะนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า๑หมื่นคน  เมื่อต้นปีนี้  กองกำลังเฉพาะกิจของยูเครนถูกกล่าวหาว่า สังหารบรรดาแกนนำและผู้ที่มีอิทธิพลในเขตที่เรียกร้องการแยกตัวเป็นอิสระ    เมื่อเร็วๆนี้ จุดร้อนในเขต Svetlodarsk และการปะทะในเมืองอัฟดีฟกาที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่๒๙มกราคมที่ผ่านมา ได้ทำให้ยูเครนต้องเสนอให้จัดการประชุมฉุกเฉินคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่๑๓กุมภาพันธ์ นาย Svetlana Petrenko โฆษกคณะกรรมการสืบสวนรัสเซียได้กล่าวหากองทัพยูเครนว่า ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมินสก์และอนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์ในช่วงสงครามหลังจากที่เปิดการโจมตีใส่เขตนี้  ซึ่งทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบ้านเรือนประชาชนถูกทำลาย   ในขณะที่การปะทะยังคงเกิดขึ้น  พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคตะวันออกยูเครน  ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตเหล็กและถ่านหินยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์และโดเนสตก์  นอกจากนี้ กองกำลังที่เรียกร้องการแยกตัวเป็นอิสระยังไม่จัดการเลือกตั้งภายใต้การตรวจสอบขององค์การความมั่นคงและความร่วมมือยุโรปตามกฎหมายของยูเครน ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ถูกระบุในข้อตกลง
ในสภาวการณ์ดังกล่าว สัญญาณที่น่ายินดีเพียงอย่างเดียวในการปฏิบัติข้อตกลงมินสก์๒คือ แม้การปะทะในภาคตะวันออกยูเครนยังไม่ยุติแต่ในระหว่างการปฏิบัติข้อตกลงดังกล่าว  ยังไม่เคยเกิดการปะทะในขอบเขตใหญ่
สถานการณ์ในภาคตะวันออกยูเครนยังคงตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพภายหลัง๒ปีการลงนามข้อตกลงมินสก์๒  - ảnh 2สถานการณ์ในภาคตะวันออกยูเครนยังคงตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพภายหลัง๒ปีการลงนามข้อตกลงมินสก์๒ 

 ผลักดันมาตรการทางการทูต

การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและปัญหาการปะทะที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขได้ทำให้ประชามติเห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวต้องได้รับการปรับปรุง  โดยนาย Andrei Buzarov ผู้เชี่ยวชาญที่วิจัยสถานการณ์ระหว่างประเทศได้เผยว่า หน้าที่หลักของข้อตกลงดังกล่าวก็คือต้องแก้ไขปัญหาการปะทะ  ไม่ใช่การระงับการปะทะ  ดังนั้น วิธีการเจรจาต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงแม้ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องยังไม่พร้อมปฏิบัติเรื่องนี้    โดยจะเพิ่มจำนวนฝ่ายที่เข้าร่วมการเจรจาหรือลดฝ่ายต่างๆที่เข้าร่วมให้มีเพียงยูเครนและรัสเซียเข้าร่วมเพื่อแสวงหาเสียงพูดเดียวกัน  โดยไม่ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากคนกลาง
ในการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์เมื่อวันที่๗กุมภาพันธ์ นาย วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียและนาง แองเกลา แมร์เคิล  นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้เรียกร้องให้ฟื้นฟูข้อตกลงหยุดยิงและยุติการปะทะในภาคตะวันออกยูเครน พร้อมทั้ง ให้การสนับสนุนการผลักดันความพยายามทางการทูตเพื่อแก้ไขปัญหาการปะทะ  ผู้นำทั้งสองประเทศยังกล่าวถึงการจัดการพบปะระดับรัฐมนตรีต่างประเทศในเวลาที่จะถึงและการประชุมระดับผู้ช่วยของผู้นำประเทศตามรูปแบบกลุ่ม๔ฝ่าย Normandy   ก่อนจัดการเจรจาระดับสูง ให้การสนับสนุนความพยายามของคณะผู้สังเกตการณ์พิเศษขององค์การความมั่นคงและร่วมมือยุโรป
ภายหลัง๒ปีที่ได้รับการลงนาม ข้อตกลงมินสก์๒ยังไม่มีประสิทธิภาพตามความคาดหวัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องต้องหันมานั่งเจรจาเพื่อแสวงหามาตรการที่เหมาะสมในการแก้ไขการปะทะในภาคตะวันออกยูเครน.

คำติชม