ส่งเสริมพลังที่เข็มแข็งของเศรษฐกิจภาคเอกชนให้เกิดประสิทธิผลเต็มที่

Hong Van
Chia sẻ
(VOVWORLD) - เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เข้าร่วมการเสวนากับสถานประกอบการเพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติมติ 68 ของกรมการเมืองพรรคว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นก้าวเดินที่สำคัญเพื่อผลักดันการปฏิรูปกลไกระเบียบการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการประกอบธุรกิจและสนับสนุนสถานประกอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ส่งเสริมพลังที่เข็มแข็งของเศรษฐกิจภาคเอกชนให้เกิดประสิทธิผลเต็มที่ - ảnh 1นายกรัฐมนตรีกล่าวปราศรัยในการประชุม (VGP)

ผลการวิจัยจากองค์กรเศรษฐกิจต่างๆ พบว่า ถ้าหากภูมิภาคมีระบบเศรษฐกิจภาคเอกชนเข้มแข็งจะช่วยเพิ่มผลิตภาพแรงงานและความแข็งแกร่งของประเทศต่อความผันผวนต่างๆ ในทั่วโลกและมีส่วนร่วมสร้างรายได้ให้แก่ประเทศนั้นๆ ดังนั้น มติ 68 ไม่เพียงแต่สนับสนุนการประกอบธุรกิจเท่านั้น หากยังมุ่งสู่การสร้างสรรค์สังคมที่คนเวียดนามสามารถเป็นฝ่ายรุกในระบบเศรษฐกิจอีกด้วย

ส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของเศรษฐกิจภาคเอกชนให้เต็มที่

การเสวนาครั้งนี้ได้ส่งสารอย่างชัดเจนว่า เวียดนามกำลังมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของเศรษฐกิจภาคเอกชนอย่างเต็มที่ ทั้งเครือบริษัทรายใหญ่ สถานประกอบการขนาดย่อมและธุรกิจครัวเรือน ซึ่งในการเสวนา สถานประกอบการและนักธุรกิจต่างแสดงความปรารถนาว่าสามารถยืนยันสถานะและบทบาทของตนในการปฏิบัติมติ 68 รวมทั้งความพยายามและความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมบรรลุเป้าหมายการพัฒนาต่างๆ ที่ได้วางไว้ นาย เหงวียนจุงชิ้ง ประธานกรรมการเครือบริษัทหุ้นส่วนเทคโนโลยี CMC กล่าวว่า

            “ถึงเวลาแล้วที่สถานประกอบการต้องเป็นฝ่ายรุกในการเข้าร่วมกระบวนการสร้างสรรค์ต่างๆ ถ้าหากรัฐบาลมีความไว้วางใจก็สามารถมอบหมายหน้าที่เข้าร่วมการสร้างสรรค์โครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ของประเทศ เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและคมนาคม เชื่อว่า สถานประกอบการรายใหญ่ๆ ของเวียดนาม เช่น หว่าฟ๊าด วินกรุ๊ป ทาโกและบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ สามารถปฏิบัติภารกิจการก่อสร้างกิจการใหญ่ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟหมายเลขที่ 5 ของกรุงฮานอยที่เป็นความร่วมมือของสถานประกอบการเวียดนาม ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ส่วนนาง มายเกี่ยวเลียน ผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท Vinamilk ย้ำว่า มติที่ 68 ถือเป็นนิมิตหมายใหม่ที่เต็มไปด้วยศักยภาพเพื่อนำเศรษฐกิจภาคเอกชนของเวียดนามพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ เวียดนามกำลังมีโอกาสมากเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่เป็นผลการวิจัยในตลอดนับสิบปีของประเทศอื่นๆ เพื่อพัฒนาประเทศ แต่เพื่อสามารถประยุกต์ใช้ได้ การดำเนินงานของทางการปกครองท้องถิ่นต้องคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมือนกับที่สถานประกอบการต่างๆ กำลังต้องเปลี่ยนแปลงทุกวันให้ทันกับตลาด สถานประกอบการภาคเอกชนพร้อมเดินเคียงข้างรัฐบาลแต่ว่าบรรยากาศการดำเนินกลไกระเบียบราชการต่างๆ ต้องราบรื่น โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ

ส่งเสริมพลังที่เข็มแข็งของเศรษฐกิจภาคเอกชนให้เกิดประสิทธิผลเต็มที่ - ảnh 2นายกรัฐมนตรีถ่ายรูปกับผู้ประกอบการต่างๆ (VGP)

รัฐบาลช่วยแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการ

ในการเสวนา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำถึงความรับผิดชอบของรัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและผู้บริหารท้องถิ่นในการจัดทำยุทธศาสตร์ การวางผัง กลไกและนโยบายผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน โดยกำชับให้ปฏิบัติ 3 ก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้งก้าวกระโดดในด้านระเบียบราชการ เพิ่มการกระจายอำนาจเพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนและสถานประกอบการในการปฏิบัติ สร้างก้าวกระโดดด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาใหม่ สร้างเขตตัวเมือง พัฒนาการบริการและสร้างคุณค่าให้แก่ที่ดิน ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่วนก้าวกระโดดในด้านแหล่งบุคลากรก็ต้องตอบสนองความต้องการในการพัฒนาของสถานประกอบการ

            “รัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต้องค้ำประกันเอกราช อธิปไตย เสถียรภาพด้านการเมืองและบูรณะภาพแห่งดินแดนเพื่อมีโอกาสและเงื่อนไขพัฒนาอย่างรวดเร็วมากขึ้น พรรค รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องค้ำประกันการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกันในด้านเงินทุน ทรัพยากร ที่ดิน แหล่งบุคลากร นิตินัย สิทธิเสรีภาพในการประกอบธุรกิจอย่างเสมอภาคและสิทธิด้านทรัพย์สินของสถานประกอบการ”

ประเทศเวียดนามกำลังพัฒนาจากเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่มาเป็นการใช้เงินทุนภายในประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันนี้ ในเวียดนาม มีสถานประกอบการเกือบ 1 ล้านแห่งและธุรกิจครัวเรือนอีก 5 ล้านแห่ง โดยสถานประกอบการภาคเอกชนได้พัฒนาจากการเป็น “ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ” มาเป็น “พลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุด” ของเศรษฐกิจ จากการยืนยันบทบาทของสถานประกอบการอย่างเข้มแข็งในมติ 68 ของกรมการเมืองพรรคและความปรารถนาของชมรมสถานประกอบการเวียดนามที่จะอุทิศให้แก่สังคมมากขึ้น เวียดนามจะสามารถระดมแหล่งพลังที่เข้มแข็งต่างๆ ได้อย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาประเทศให้ก้าวรุดหน้าต่อไป.

คำติชม