มติ 68: ก้าวกระโดดที่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน

Hồng Vân
Chia sẻ
(VOVWORLD) -มติ 68 ที่เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ลงนามประกาศใช้เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมปี 2025 ถือเป็นเอกสารที่สำคัญของกรมการเมืองพรรคเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน โดยเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจภาคนี้ได้รับการกำหนดว่าเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดในด้านความคิดเกี่ยวกับการพัฒนา
มติ 68: ก้าวกระโดดที่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน - ảnh 1นาย หมากก๊วกแอง รองนายกสมาคมสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมกรุงฮานอย (VGP)

เศรษฐกิจภาคเอกชนมีส่วนร่วมต่อจีดีพีของเวียดนามร้อยละ 50 และรายรับงบประมาณแผ่นดินกว่าร้อยละ 30 โดยเฉพาะสร้างงานทำให้แก่แรงงานทั่วประเทศกว่าร้อยละ 82 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงสถานะและบทบาทที่ยิ่งใหญ่และสำคัญของเศรษฐกิจภาคเอกชนต่อเศรษฐกิจเวียดนาม

คำยืนยันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของเศรษฐกิจภาคเอกชนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ

มติที่ 68 ของกรมการเมืองพรรคฯ ไม่เพียงแต่เป็นสารทางการเมืองที่เข้มแข็งเท่านั้น หากยังเป็นคำยืนยันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของเศรษฐกิจภาคเอกชนในระบบเศรษฐกิจเวียดนามอีกด้วย

ประเด็นแรกที่ถือเป็นก้าวกระโดดในมติ 68 คือ การยกเลิกอคติต่อบทบาทของเศรษฐกิจภาคเอกชนและนับเป็นครั้งแรกที่ภาคเศรษฐกิจนี้ได้รับการระบุว่า เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของระบบเศรษฐกิจเวียดนาม  นอกจากนี้ มติฯ ยังได้กำหนดนโยบายที่เป็นรูปธรรมต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษี 3 ปีแรกที่เริ่มทำการลงทุน ยกเลิกค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการ และเปิดโอกาสให้สถานประกอบการขนาดย่อมและขนาดเล็กสามารถเข้าร่วมในภาคธุรกิจที่เคยสนวงไว้เฉพาะสำหรับสถานประกอบการภาครัฐเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมกลาโหม ความมั่นคง

หนึ่งในนโยบายที่ได้รับคำชื่นชมเป็นพิเศษจากสถานประกอบการคือ การแยกอย่างชัดเจนระหว่างความรับผิดชอบส่วนบุคคลกับนิติบุคคลในกรณีการกระทำผิดทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการปฏิรูประบบกฎหมายและถูกคาดหวังว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจภาคเอกชนมีความมั่นใจมากขึ้นในการประกอบธุรกิจ ลดความเสี่ยงจากการถูกดำเนินคดีอาญาสำหรับกรณีการกระทำผิดทางเศรษฐกิจที่ไม่ร้ายแรง อีกทั้งยังเป็นจุดเด่นสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจของเวียดนามที่เป็นมิตรและน่าดึงดูดยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ นาย หมากก๊วกแอง รองนายกสมาคมสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมกรุงฮานอยกล่าวว่า

“เราขอชื่นชมมติฉับบี้เพราะเป็นครั้งแรกที่กรมการเมืองพรรคยืนยันว่า เศรษฐกิจภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญที่สุดและเป็นพลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจเวียดนาม พร้อมทั้งระบุอย่างชัดเจนว่า เป้าหมายของเราคือต้องเพิ่มจำนวนสถานประกอบการและเพิ่มการขยายตัวในด้านสีเขียว สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ดำเนินคดีอาญาต่อกรณีการกระทำผิดทางเศรษฐกิจที่ไม่ร้ายแรงเพื่อเอื้อให้แก่การประกอบธุรกิจของสถานประกอบการ”

หนึ่งในเป้าหมายที่มีลักษณะก้าวกระโดดของมติที่ 68 คือ ภายในปี 2030 ประเทศเวียดนามจะมีสถานประกอบการเอกชน2 ล้านแห่ง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านแห่งภายในปี 2045 ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์อย่างมีชีวิตชีวาของการก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจภาคเอกชน จากที่เคยถูกมองว่าอ่อนแอและกระจัดกระจาย ขณะนี้ เศรษฐกิจภาคเอกชนได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจเวียดนาม ถ้าหากบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เศรษฐกิจภาคเอกชนจะช่วยสร้างงานทำนับล้านตำแหน่ง เพิ่มรายรับของงบประมาณแผ่นดินและนำเศรษฐกิจเวียดนามเข้าสู่เส้นทางแห่งการขยายตัวที่ยั่งยืน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้สถานประกอบการเวียดนามเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลกมากขึ้นและกลายเป็นประเทศสำคัญในเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศ

มติ 68: ก้าวกระโดดที่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน - ảnh 2นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยในการประชุมเกี่ยวกับการจัดทำร่างมติของสภาแห่งชาติเกี่ยวกับบางกลไกและนโยบายเฉพาะกิจในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน (VGP)

เร่งปฏิบัติ

หลังจากที่มติ 68 ได้รับการประกาศใช้ภายในไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ก็ได้เป็นประธานการประชุม 2 นัดเพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดทำร่างมติของสภาแห่งชาติเกี่ยวกับบางกลไกและนโยบายเฉพาะกิจในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน โดยย้ำถึงความจำเป็นในการยื่นเสนอร่างมติของสภาแห่งชาติต่อการประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 9 เพื่อแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่สุด

“จิตใจแห่งนวัตกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนไม่มีขีดจำกัดเพื่อบรรลุเป้าหมาย “ประชาชนมั่งคั่ง ประเทศเข้มแข็ง มีประชาธิปไตย ยุติธรรมและอารยธรรม” ในยุคใหม่ ด้วยจิตใจคือ “รัฐสร้างสรรค์” มนุษย์เป็นรากฐาน สถานประกอบการเป็นศูนย์กลางและเป็นเจ้าของ ส่วนกลไกระเบียบและนโยบายต่าง ๆ จะเป็นพลังขับเคลื่อน มตินี้ต้องจุดประกายให้เกิดขบวนการและแนวโน้มแห่งการพัฒนาในเศรษฐกิจภาคเอกชน ให้ทุกคน ทุกครอบครัวพยายามสร้างฐานะที่ร่ำรวย จำเป็นต้องตรวจสอบนโยบายต่างๆ อย่างรอบด้านเพื่อเอื้อให้การประกอบธุรกิจและการแข่งขันมีความยุติธรรม โดยเฉพาะในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่ดิน และทรัพย์สินของภาครัฐ”

ส่วนในการประชุมครั้งที่ 45 คณะกรรมาธิการสามัญสภาแห่งชาติที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นาย เจิ่นแทงเหมิน ประธานสภาแห่งชาติได้ยืนยันถึงความหมายของมติที่ 68 ซึ่งมีความเร่งด่วนเช่นเดียวกับมติที่ 57 ของส่วนกลางเกี่ยวกับก้าวกระโดดในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติ โดยมอบหมายหน้าที่ให้คณะกรรมาธิการเศษฐกิจและการคลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลังและสำนักงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยื่นเสนอให้สภาแห่งชาติพิจารณาในวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีเกี่ยวกับความพร้อมเพรียงระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่นและระหว่างการวางผังกับการบังคับใช้

มติที่ 68 ของกรมการเมืองพรรคกำลังเปิดหน้าใหม่ให้แก่เศรษฐกิจภาคเอกชนของเวียดนาม ซึ่งถือเป็นแรงกระตุ้นต่อการพัฒนาของเวียดนามให้เจริญรุ่งเรืองในศักราชใหม่ ซึ่งเป็นศักราชแห่งการผงาด.

คำติชม