ในเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชามติโลก เมื่อทั้งสองฝ่ายได้ตอบโต้กันไปมาผ่านการเก็ยภาษีสินค้าส่งออก ความตึงเครียดนี้ได้สร้างความวิกตกกังวลว่า อาจนำไปสู่สงครามการค้า ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อทั้งสองฝ่ายเท่านั้น หากยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอีกด้วย
ความพยายามแก้ไขความตึงเครียด
เพื่อบรรลุความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ดังกล่าว ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดานักเจรจาของสหรัฐและจีนได้พยายามเป็นอย่างมากในการแสวงหาเสียงพูดเดียวกันเกี่ยวกับปัญหาเสียเปรียบดุลการค้า โดยในแถลงการณ์ร่วม ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการเสียเปรียบดุลการค้าของสหรัฐต่อจีน ซึ่งอยู่ที่กว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จีนให้คำมั่นว่า จะนำเข้า “สินค้าเกษตรปริมาณมหาศาล” จากสหรัฐ นี่คือครั้งแรกที่จีนเห็นพ้องลดการกีดกันทางการค้าและภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ตามการประเมินของผู้นำทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ คำมั่นของจีนคือข่าวดีที่สุดต่อเกษตรกรสหรัฐในหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐจะส่งคณะเจ้าหน้าที่ไปยังประเทศจีนเพื่อหารืออย่างละเอียดเกี่ยวกับการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร
เมื่อหวนมองประวัติศาสตร์ทางการค้าที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน ไม่ว่าฝ่ายใดสร้างปัญหา แต่ก็ยัง “มีโอกาสเพื่อไกล่เกลี่ย” และผลการเจรจาครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ความตึงเครียดจะอยู่ในระดับสูง แต่ล่าสุดทั้งสองประเทศก็ต้องพิจารณาถึงผลประโยชน์ที่ลึกซึ้ง เพราะในปัจจุบัน สหรัฐและจีนกำลังเป็นหุ้นส่วนสำคัญและตลาดหลักของแต่ละฝ่าย มีส่วนร่วมกว่าร้อยละ 40 ของจีดีพีโลก ดังนั้น สิ่งที่สำคัญสำหรับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนคือ “การร่วมมือแบบวิน-วิน” สำหรับสหรัฐ จีนยังคงเป็นตลาดจำหน่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นจุดหมายปลายทางในการลงทุนที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ส่วนสำหรับจีนก็มีความต้องการสูงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพสูงจากสหรัฐ ซึ่งสามารถสร้างพลังขับเคลื่อนเพื่อผลักดันการค้าระหว่างสองประเทศ
อุปสรรคที่ต้องแก้ไข
แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้แสดงความเห็นว่า ด้วยยอดมูลค่าสินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐเมื่อปีที่แล้วคือ 1 แสน 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จีนยากที่จะสามารถลดการเสียเปรียบดุลการค้ากับสหรัฐในเวลาอันสั้น ซึ่งทูตพิเศษของประธานประเทศจีน สีจิ้นผิงคือรองนายกรัฐมนตรี หลิวเหอก็ได้ยอมรับว่า ในการเจรจาครั้งนี้ ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุความเข้าใจร่วมกัน แต่ปัญหาการค้าระหว่างสองประเทศไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นปัญหาที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา
ถ้าอยากตอบสนองความต้องการของสหรัฐ จีนต้องเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ กว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่ปัญหาคือสินค้าที่สหรัฐอยากส่งออกไปยังจีนกลับมีมูลค่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับตัวเลข 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่มีราคาแพงที่จีนอยากซื้อ สหรัฐก็กลับไม่อยากขายให้จีน ตามการประเมินนั้น ถ้าหากจีนงดการนำเข้าสินค้าบางรายการจากประเทศอื่น เช่นเครื่องบิน Airbus ของสหภาพยุโรปหรือถั่วเหลืองของบราซิลและหันมาซื้อจากสหรัฐ ก็จะช่วยลดการเสียเปรียบดุลการค้าของสหรัฐต่อจีนประมาณ 5 หมื่น-6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่สหรัฐไม่มีกำลังการผลิตอย่างเพียงพอเพื่อตอบสนองเป้าหมายส่งออกเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังจีนต่อปี โดยเฉพาะในระยะสั้น นอกจากนั้น คาดว่าในปลายเดือนนี้ รัฐมนตรีการคลังสหรัฐจะประกาศมาตรการใหม่เพื่อจำกัดจีนลงทุนและนำเข้าสินค้าด้านเทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐ นอกจากนั้น สหรัฐกำลังสร้างอุปสรรคต่อบริษัทเทคโนโลยีของจีน
ทั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจและการค้ายังคงเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในการธำรงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ผลการเจรจา ณ กรุงวอชิงตันเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สะท้อนให้เห็นถึงการประนีประนอมของทั้งสองฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาการเสียเปรียบดุลการค้า เพราะทั้งสหรัฐและจีนไม่อยากทำให้ความขัดแย้งในปัจจุบันกลายเป็นสงครามการค้าที่รุนแรง.