ยุโรปแสวงหาความสามัคคีเพื่อรับมือกับความผันผวนด้านความมั่นคง

Quang Dung- VOV5
Chia sẻ

(VOVWORLD) -เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ผู้นำหลายประเทศยุโรปได้ประชุมฉุกเฉิน ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเพื่อแสวงหามาตรการรับมือความเสี่ยงจากการไม่ได้รับการค้ำประกันในเรื่องความมั่นคงจากสหรัฐและการไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับการยุติการปะทะในยูเครน

ยุโรปแสวงหาความสามัคคีเพื่อรับมือกับความผันผวนด้านความมั่นคง - ảnh 1นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ และประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง (Photo: Reuters)

การประชุมสุดยอดฉุกเฉิน ณ กรุงปารีส ได้มีขึ้นภายหลังการประชุมความมั่นคงมิวนิก 1 วัน ซึ่งในการประชุมนั้น ประเทศยุโรปต้องเผชิญผลกระทบจากการที่ไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาระหว่างสหรัฐกับรัสเซียเกี่ยวกับการยุติการปะทะในยูเครนและการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐตำหนิและขู่ว่า จะยกเลิกคำมั่นต่างๆเกี่ยวกับการค้ำประกันความมั่นคงให้แก่ยุโรปที่ปฏิบัติมาตั้งสงครามโลกครั้งที่ 2

ยุคใหม่ของยุโรป

นาย ฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสประเมินว่า ประเทศต่างๆเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉิน ณ กรุงปารีส  ล้วน“มีความปรารถนาและทักษะความสามารถ” ในการมีส่วนร่วมต่อโครงสร้างด้านความมั่นคงของยุโรปในอนาคต ซึ่งประกอบด้วย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์และเดนมาร์ก ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มประเทศบอลติก และอังกฤษที่ถอนตัวออกจากอียูเมื่อปี 2016 รวมทั้งยังมีนาย มาร์ค รุตเตอร์  เลขาธิการนาโต

บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า การประชุมนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่สหรัฐและยุโรปไม่แบ่งปันคุณค่าร่วม ที่เป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์พันธมิตรข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกนับตั้งแต่ปี 1945  ยุโรปจะไม่สามารถพึ่งพาการค้ำประกันความมั่นคงจากสหรัฐได้อีก และแผนการแก้ไขการปะทะในยูเครนก็ไม่ได้คำนึงถึงบทบาทของยุโรป ดังนั้น ยุโรปต้องเปลี่ยนแปลงความตระหนักในบทบาทของตนอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อธำรงการมีเสียงพูดในปัญหายูเครนและกำหนดโครงสร้างด้านความมั่นคงใหม่ของยุโรป

หลังการประชุม แม้เนื้อหาของการประชุมไม่ได้รับการประกาศแต่บรรดาผู้นำยุโรปต่างยืนยันว่า ยุโรปได้ย่างเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์

การเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมคือประเด็นใหญ่ที่สองที่บรรดาประเทศยุโรปได้บรรลุความเห็นพ้อง โดยก่อนการประชุม นาง อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน  ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรือ อีซี ได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกผ่อนปรนข้อกำหนดด้านงบประมาณตามแนวทางให้ความสนใจต่อค่าใช้จ่ายด้านกลาโหม ปรับปรุงสนธิสัญญาการรักษาเสถียรภาพและการขยายตัวของอียู โดยปฏิบัติข้อกำหนดเกี่ยวกับการควบคุมอัตราการขาดดุลงบประมาณไม่ให้เกินกว่าร้อยละ 3 ของจีดีพีอย่างคล่องตัวมากขึ้น โดยจนถึงปลายปีที่แล้ว บรรดาประเทศอียูได้สงวนงบประมาณด้านกลาโหมจำนวนกว่า 3 แสน 2 หมื่นล้านยูโรแต่นาง อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน เห็นว่า ตัวเลขดังกล่าวต้องมากกว่านี้ ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่เลขาธิการนาโต้เคยกล่าวถึงหลายครั้งก่อนหน้านั้น 

ประเทศยุโรปที่เป็นสมาชิกของนาโตต้องสงวนงบประมาณด้านกลาโหมมากขึ้นคือเกือบร้อยละ 3 ของจีดีพี สิ่งที่ชัดเจนคือ ถ้าหากยังคงธำรงงบประมาณด้านกลาโหมเหมือนในปัจจุบัน ยุโรปจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความมั่นคงและความปลอดภัยในอีก 4- 5 ปีข้างหน้าได้”

ยุโรปแสวงหาความสามัคคีเพื่อรับมือกับความผันผวนด้านความมั่นคง - ảnh 2นาย โอลัฟ ช็อลทซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี (Photo: TTXVN)

การค้ำประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครน

สำหรับประเด็นการหารือที่ว่ายุโรปจะเข้าร่วมกระบวนการแก้ไขการปะทะในยูเครนอย่างไรในการประชุมนี้ก็ไม่ได้ประสบผลที่น่าสนใจ โดยในการกล่าวปราศรัยหลังการประชุม นาย โอลัฟ ช็อลทซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้เผยว่า บรรดาประเทศยุโรปได้เห็นพ้องที่จะไม่รับรองข้อตกลงใดๆที่มีลักษณะบังคับให้แก่ยูเครน ส่วนสำหรับเรื่องการมีส่วนร่วมของยุโรปในการค้ำประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครนในอนาคตเมื่อไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาระหว่างสหรัฐกับรัสเซียเกี่ยวกับยูเครนบรรดาประเทศยุโรปยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

สำหรับการประกาศของนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่พร้อมส่งกองทัพไปยังยูเครนเพื่อค้ำประกันความมั่นคงถ้าหากข้อตกลงบรรลุ โปแลนด์ได้คัดค้านความคิดริเริ่มนี้เนื่องจากเห็นว่า โปแลนด์ต้องแบกรับภาระหน้าที่ที่หนักหน่วงเมื่อต้องค้ำประกันความมั่นคงบริเวณฝั่งตะวันออกของนาโต้อยู่แล้ว ส่วนนายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลัฟ ช็อลทซ์ เห็นว่า นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการนี้ 

“ยังเร็วเกินไปที่จะหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้และผมรู้สึกไม่เห็นด้วยต่อการหารือนี้ ซึ่งฝ่ายต่างๆกำลังหารือเกี่ยวกับแผนการ รวมทั้งแผนการสันติภาพที่ยังไม่บรรลุและไม่รู้ได้ว่า ยูเครนจะเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งสิ่งนี้ไม่เหมาะสมและพวกเราไม่สามารถทราบได้ว่า ผลงานจะเป็นอย่างไร”

ส่วนนาง Daniela Schwarzer ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองและผู้บริหารสถาบัน Bertelsmann Stiftung ของเยอรมนีเผยว่า  ยุโรปจะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆในการจัดทำแผนการร่วมเกี่ยวกับการค้ำประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครนในกรณีที่สหรัฐและรัสเซียบรรลุข้อตกลงยุติการปะทะเนื่องจากบรรดาประเทศยุโรปยังต้องพึ่งพาสหรัฐทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง พร้อมทั้งให้ข้อสังเกตว่า บางประเทศ เช่น อิตาลี, ฮังการี, โปแลนด์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางการประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ไม่อยากให้ยุโรปดำเนินนโยบายใหม่ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐแตกร้าวมากไปอีก ในขณะที่เยอรมนีและฝรั่งเศสได้แสดงการคัดค้านนโยบายใหม่ของสหรัฐ

อีกประเด็นใหญ่คือยุโรปยังไม่มีทักษะความสามารถด้านกลาโหมพอเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจสอบและรักษาสันติภาพในยูเครน ถ้าหากกรณีนี้เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการส่งกำลังยุโรปไปยังยูเครนหลังการปะทะได้ยอมรับว่า แผนการของยุโรปจะไม่สามารถปฏิบัติได้ถ้าหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ  ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ เผยว่า ตัวเขาจะเดินทางไปเยือนสหรัฐในปลายสัปดาห์นี้เพื่อโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ยกเลิกคำมั่นต่างๆต่อยูเครนและต่อความมั่นคงของยุโรป.

คำติชม