ผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทศาสตร์ด้านการคมนาคมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ

Hong Van
Chia sẻ
(VOVWORLD) - การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อมเพรียงและทันสมัยเป็น ใน ก้าวกระโดดเชิงยุทธสาสตร์ โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมเป็นเสาหลักสำคัญที่สร้างบรรยากาศการพัฒนาใหม่ เป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจสังคม รักษาความมั่นคงและกลาโหม 
ผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทศาสตร์ด้านการคมนาคมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ - ảnh 1(tapchitaichinh.vn)

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ประชุมครั้งที่ 3 กับกระทรวง หน่วยงานและผู้บริหารท้องถิ่นทุกแห่งเพื่อผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง โดยเป็นประธานการประชุมประจำของรัฐบาลเกี่ยวกับร่างโครงการลงทุนก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงเหนือจรดใต้เพื่อยื่นเสนอให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับพิจารณาอนุมัติ

ที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ได้ยืนยันว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคือ 1 ใน 3 ก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ค้ำประกันความมั่นคงและกลาโหม ดังนั้น การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและการขนส่งภายใต้แนวทาง “เดินหน้าเปิดเส้นทางใหม่” จึงถือเป็นก้าวกระโดด

การชี้นำอย่างเป็นรูปธรรมต่อการพัฒนาระบบคมนาคมในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง

เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงกำลังปฏิบัติโครงสร้างคมนาคมเป้าหมายแห่งชาติ 5 โครงการและปัจจุบันนี้ มี 4 ใน 5 โครงการ คือ ถนนไฮเวย์ เกิ่นเทอ ก่าเมา ถนนไฮเวย์ โจวด๊ก เกิ่นเทอ ซอกจัง ถนนไฮเวย์ กาวแหลง อานหิว ถนนไฮเวย์ มีอาน กาวแหลงและทางหลวงโฮจิมินห์ช่วงแหรกสอย เบ๊นเญิดและก่อกาว หวิงถวด ได้เสร็จสิ้นการทำระเบียบการด้านการลงทุนแล้วและกำลังปฏิบัติเดินหน้าก่อสร้าง

นับตั้งแต่ต้นวาระเมื่อปี 2021 จนถึงปัจจุบัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ แก้ไขอุปสรรคและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่แรงงาน ผู้รับเหมาในการปฏิบัติโครงการเหล่านี้ถึง 5 ครั้ง พร้อมทั้งกำชับให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแก้ไขอุปสรรคในด้านวัสดุก่อสร้างโดยตรงถึง 3 ครั้งเพื่อผลักดันการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

จากการชี้นำดังกล่าว งานด้านการเวนคืนที่ดินให้แก่โครงการเหล่านี้ดำเนินไปตรงตามเวลาที่กำหนดเพื่อค้ำประกันให้แก่ขั้นตอนการก่อสร้าง และเหลือพื้นที่อีกบางส่วนเท่านั้นที่คาดว่าจะทำการเวนคืนแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กำชับว่า เป้าหมายถึงปี 2025 คือ เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงต้องมีถนนไฮเวย์ 600 ก.ม. และถึงปี 2030 ต้องมี 1,200 กม. โดยเน้นเป็นพิเศษคือถนนไฮเวย์สายเหนือจรตใต้และถนนไฮเวย์สายตะวันออก ตะวันตก

“หน้าที่สำคัญในวาระนี้คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงก้าวกระโดด ซึ่งทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นก็ต้องร่วมมือปฏิบัติเพื่อให้โครงการเหล่านี้เสร็จสิ้นตรงตามเวลาที่กำหนด ค้ำประกันคุณภาพของโครงการและให้การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย”

ในด้านเงินทุน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้กำชับให้กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ประสานงานกับท้องถิ่นเพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบและรายงานต่อสำนักงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการเวนคืนที่ดิน นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ผู้บริหารท้องถิ่นต่างๆ ร่วมมือแก้ไขปัญหาการเวนคืนที่ดินให้แล้วเสร็จเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการต่างๆ

ก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันนี้ ในระบบคมนาคมทางบกสายหลักที่เชื่อมภาคเหนือกับภาคใต้ของเวียดนามมี 3 เส้นทางหลักรวมถึงยังมมีเส้นทางทะเล ทางอากาศและทางรถไฟ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับว่า ต้องพิจารณาการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่มีขนาดที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมความได้เปรียบให้แก่การขนส่ง โดยเน้นการขนส่งผู้โดยสารเป็นหลัก พร้อมทั้งสามารถสนับสนุนการขนส่งสินค้าให้รวดเร็ว และตอบสนองงานด้านกลาโหมและความมั่นคง พร้อมทั้งพัฒนาเส้นทางรถไฟที่มีอยู่แล้วเพื่อให้รองรับการขนส่งสินค้าเป็นหลัก

ในการประชุมของรัฐบาลเกี่ยวกับร่างโครงการลงทุนก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงเหนือจรดใต้เพื่อยื่นให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาอนุมัติ เมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำถึงทัศนะและหลักการคือ ต้องสร้างก้าวกระโดดและเปลี่ยนแปลงใหม่ด้วยวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยต้องเสร็จสิ้นการก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงเหนือจรดใต้กว่า 1,500 ก.ม. ผ่าน 20 จังหวัดและนครภายในเวลา 10 ปี คือต้องพยายามให้โครงการแล้วเสร็จภายในปี 2035 โดยต้องเป็นเส้นทางที่สะดวก มีระยะทางสั้นที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดและรถไฟต้องวิ่งได้ด้วยความเร็วประมาณ 350 ก.ม. ต่อชั่วโมง

ในแนวโน้มการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมให้มีความพร้อมเพรียงและทันสมัยมีบทบาทสำคัญเป็นพิเศษเพื่อเชื่อมโยงการผลิตกับการบริโภคและการขนส่งสินค้า ผลักดันการแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจระหว่างท้องถิ่นและประเทศต่างๆ จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม การที่รัฐบาลเวียดนามปฏิบัติร่างโครงการเหล่านี้จะสนับสนุนให้แก่การพัฒนาท้องถิ่นหลายแห่งและประเทศเวียดนาม.

คำติชม