ความสำเร็จของการปฏิวัติเดือนสิงหาคมคือพลังขับเคลื่อนในการสร้างสรรค์ประเทศ |
การปฏิวัติเดือนสิงหาคมเป็น 1 ในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติเวียดนามในศตวรรษที่ 20 ซึ่งสิ่งที่เป็นอมตะนั้นคือการประสานความแข็งแกร่งของความมุ่งมั่น สติปัญญาและจิตใจในยุคโฮจิมินห์ภายใต้การชี้นำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
นำประชาชาติเวียดนามย่างเข้าสู่ศักราชใหม่
ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและประธานโฮจิมินห์ ประชาชนเวียดนามได้ทำการลุกขึ้นสู้ยึดอำนาจการปกครองในท้องถิ่นทุกแห่ง ซึ่งภายในเวลา 15 วันในช่วงปลายเดือนสิงหาคมปี 1945 การลุกขึ้นสู้ได้ประสบความสำเร็จ ชัยชนะของการปฏิวัติเดือนสิงหาคมปี 1945 ได้นำประชาชาติเวียดนามเข้าสู่ศักราชใหม่แห่งเอกราชของประชาชาติและสังคมนิยม ประชาชนเวียดนามได้พ้นจากการเป็นทาสที่ถูกกดขี่กลายเป็นเจ้าของประเทศและสามารถตัดสินชะตากรรมของตนเอง สำหรับความหมายที่ยิ่งใหญ่นี้ ประธานโฮจิมินห์เคยยืนยันว่า “การปฏิวัติเดือนสิงหาคมได้โค่นล้มระบอบศักดินาที่ปกครองเวียดนามมานานหลายศตวรรษ ทำลายระบอบอาณานิคมที่ยาวนานเกือบ 100 ปี นำอำนาจการปกครองท้องถิ่นกลับมาสู่ประชาชน สร้างพื้นฐานให้แก่การสร้างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามที่อิสระ เสรีและผาสุก อันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศเรา”
รองศ.ดร. เหงียนแหม่งห่า อดีตหัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์ของพรรค |
การปฏิวัติเดือนสิงหาคมเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงแนวทางการปฏิวัติที่ถูกต้อง การชี้นำอย่างปรีชาสามารถ วิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์และรู้จักใช้โอกาสได้อย่างรวดเร็วของพรรคและประธานโฮจิมินห์ ความสำเร็จของการปฏิวัติเดือนสิงหาคมยังเป็นการยืนยันถึงพลังที่เข้มแข็งแห่งความสามัคคีชนในชาติ ความรักประเทศ ความมุ่งมั่น สติปัญญาและจิตใจที่กล้าหาญของประชาชาติเวียดนาม รองศ.ดร. เหงียนแหม่งห่า อดีตหัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์ของพรรคได้แสดงความคิดเห็นว่า “นอกจากความรักประเทศ ประชาชนนับหมื่นคนยังมีความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของประเทศ ซึ่งได้ตั้งใจระดมทุกพลังทั้งจิตใจ กองกำลัง ชีวิตและทรัพย์สินของตนมาแลกกับสิทธิเสรีภาพและเอกราช ประชาชนทุกคนได้สาบานอย่างนั้นพร้อมกับรัฐบาล อันเป็นความเห็นพ้องระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่น ระหว่างรัฐบาลกับประชาชนและระหว่างพรรคกับประชาชน”
หล่อเลี้ยงความไว้วางใจและพลังขับเคลื่อนให้แก่ภารกิจการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ
ในตลอด 79 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ประสบผลงานที่น่ายินดีและมีความหมายเชิงประวัติศาสตร์ในทุกด้าน ขนาดและศักยภาพของเศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากที่เคยเป็นประเทศที่ยากจนและด้อยโอกาส เวียดนามได้พัฒนาเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา มีรายได้ปานกลางและพยายามกลายเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูงภายในปี 2045 ตามเป้าหมายที่ถูกระบุในมติของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 โดยเฉพาะ ภายหลัง 38 ปีที่ปฏิบัติภารกิจ “โด๋ยเม้ย”เปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ เวียดนามไม่เคยมีโอกาส สถานะ ศักยภาพและชื่อเสียงเหมือนในวันนี้ พร้อมทั้งผลักดันการพัฒนเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็งและกว้างลึกต่อไป เศรษฐกิจมีการขยายตัวสูงและมีเสถียรภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนนับวันดีขึ้น เอกราช อธิปไตย เอกภาพและการบูรณะภาพแห่งดินแดนได้รับการรักษา ซึ่งผลสำเร็จเหล่านี้ถือเป็นคำสาบานที่แน่วแน่ต่อเอกราชเมื่อปี 1945 และเป็นการยืนยันถึงจิตใจแห่งความสามัคคี จิตใจแห่งความไม่ย่อท้อ และความคาดหวังต่อการพัฒนาก้าวรุดหน้าของประชาชาติภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ โตเลิม (VGP) |
ปัจจุบันนี้ เวียดนามกำลังเร่งปฏิบัติมติการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในระยะ 5 ปีตั้งแต่ปี 2021-2025 พยายามบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯ ได้วางไว้ สร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่เส้นทางการพัฒนาในเวลาข้างหน้า ในการกล่าวปราศรัยในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ โตเลิม ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า “คณะกรรมการกลางพรรค กรมการเมืองพรรค คณะเลขาธิการกลางพรรคสมัยที่ 13 จะเป็นหมู่คณะที่เข้มแข็ง เป็นปัจจัยที่ผนึกความแข็งแกร่งและการนำของทั้งพรรค ประชาชนและกองทัพเพื่อปฏิบัติแนวทางของพรรค โดยเฉพาะการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 ให้ประสบความสำเร็จ สร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่การบรรลุเป้าหมายของประเทศในระยะ 100 ปีภายใต้การชี้นำของพรรคและ 100 ปีประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามหรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปัจจุบัน และถึงกลางศตวรรษที่ 21 เวียดนามจะกลายเป็นประเทศพัฒนาตามแนวทางสังคมนิยม”
ในตลอด 79 ปีที่ผ่านมา จากชัยชนะของการปฏิวัติเดือนสิงหาคมปี 1945 พรรค ประชาชนและกองทัพเวียดนามกำลังมีความมุ่งมั่นตั้งใจรวมพลังเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่ต่อไปบนเส้นทางการปฏิวัติในศักราชใหม่ของประชาชาติเวียดนามที่กล้าหาญ.